แก้ทุกข์...ให้มองด้านในจะเข้าใจทุกข์

Share

ปัญญานันทภิกขุ,

    ให้รู้จักตัวทุกข์ก่อน  ทุกข์คือความร้อนใจ  ความไม่สบายใจในเรื่องต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นในใจของเรา  เราต้องรู้ต้องเข้าใจก่อน การที่จะรู้ที่จะเข้าใจนั้น  เราก็ต้องมองด้านในคือที่ใจของ เรา  อย่าไปมองด้านนอก  ถ้ามองด้านนอกไม่ได้อะไร แต่ถ้าเรามองข้างในคือมองที่ความคิด  การกระทำของเรา  เราก็จะรู้ว่าจิตใจของเรามีสภาพอย่างไร  รู้ว่าร้อน  รู้ว่าทุกข์  แต่ว่าต้องคิดต่อไปว่า ร้อนเรื่องอะไร  ทุกข์เรื่องอะไร  ทำไมจึงได้ร้อนใจ  ทำไมจึงได้เป็นทุกข์  อะไรเป็นตัวเหตุเป็นตัวการ  ที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้ขึ้นในใจของเรา

    เราจะต้องพิจารณาตรวจสอบให้เกิดปัญญา เกิดความรู้ความเข้าใจ

    หัดทำตนให้เป็นคนมีสติ  มีปัญญากำกับความคิด  กำกับการพูด  กำกับการกระทำ กำกับการไปการมาไม่ให้เผลอ  ไม่ให้ประมาท

    ถ้าเรามีสติปัญญากำกับอยู่อย่างนี้ก็เรียกว่าเราประพฤติธรรมในเรื่อง ๒ ข้อ  คือในเรื่องสติปัญญา  สติปัญญานี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่จะต้องมีไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน

    ถ้าเราได้ใช้สติคอยกำหนดอยู่  ใช้ปัญญาคอยคิดค้นอยู่  บาปมันก็ไม่เกิด  กิเลสมันก็ไม่เกิด

    ทุกครั้งที่เรานั่งเป็นทุกข์นั่งกลุ้มใจ  ถ้าพูดกันโดยไม่เกรงใจก็พูดว่า  เรากำลังโลภ  กำลังหลง  กำลังมัวเมาในสิ่งนั้น  ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร  ไม่ได้ใช้สติปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาให้เข้าใจปัญหานั้นอย่างถูกต้อง  เราก็มีความทุกข์เรื่อยไป

ทุกข์เพราะคิดผิดๆ

      บางทีเรื่องมันเกิดมาตั้งนานแล้วแต่เราอุตส่าห์คุ้ยเขี่ยเอามานั่งเป็นทุกข์ตรมตรอม ใจ  ถ้าใครถามว่าเป็นทุกข์เรื่องอะไร  ทุกข์ด้วยเรื่องเก่ามันเกิดมานานแล้ว  พอนึกถึงมันแล้วก็ไม่สบายใจ  แล้วเราไปนึกถึงทำไม  เรื่องอะไรที่เราไม่สบายใจ  เราไปคิดทำไม  ไปนึกถึงทำไม  เป็นความโง่ความเขลาในจิตใจ  เมื่อใดเรานั่งเป็นทุกข์เราก็เป็นคนโง่  แต่เมื่อใดเรารู้จักความทุกข์  ความฉลาดก็เกิดขึ้นทันที  เข้าใจเรื่องนั้นอย่างถูกต้องแล้วก็มองสิ่งนั้นด้วยปัญญา

    การคิดเรื่องอดีต  คิดได้เหมือนกันไม่ใช่ห้ามไม่ให้คิด  แต่ไม่ใช่คิดด้วยอาลัย

    ในคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า  “อะตีตัง นานวาคะเมยยะ นัปปะฏิกังเข อะนาคะตัง ปัจจุปปันนัญจะ โย ธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสะติ” บุคคลที่เกิดความทุกข์  เพราะคิดถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว  คิดถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง  ไม่คิดถึงเรื่องปัจจุบันเฉพาะหน้า  เลยเกิดเป็นปัญหามีความทุกข์  มีความเดือดร้อนทางจิตใจ  เพราะเราไปคิดเรื่องเก่าที่ผ่านมาแล้ว

    คนตายไปหลายปีแล้ว  เรายังคิดถึงแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ
    ของหายไปหลายปีแล้ว  พอเรานึกถึงเราก็เสียดาย  เสียใจของนั้น
    นั่นแหละเค้าเรียกว่าคิดด้วยความอาลัย  อาลัยถึงคนที่ตายไป  อาลัยถึงของที่หายไป
    อาลัยถึงเรื่องต่างๆ ที่มันผ่านมาในชีวิตแล้วมันก็หายไป
    ถ้าคิดด้วยความอาลัยด้วยความอยากอย่างนั้น  เราก็มีความทุกข์เกิดขึ้นในใจ

    อันนี้โยมจำไว้เอาไปนั่งพิจารณาดูว่าเวลาที่เราเป็นทุกข์  ทุกข์เรื่องอะไร  ไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้นเฉพาะหน้า  แต่มันเป็นเรื่องอดีตที่ล่วงเลยมาแล้ว  ในเรื่องต่างๆเราก็เอามาคิดให้ทุกข์ใจ  ราวกับว่าความกลุ้มใจนั้นเป็นแฟชั่นที่เราจะต้องนำมาใช้ทุกวันทุกเวลา  ความจริงสิ่งนั้นไม่ได้เรื่อง  ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรแก่เรา  เราไปคิดเรื่อยๆไปอย่างนั้น  ก็เป็นทุกข์เปล่าๆ

    เราจึงต้องศึกษาว่าเวลาเรานั่งคิดถึงเรื่องอะไรแล้วเป็นทุกข์  แสดงว่าเราคิดโดยไม่มีปัญญา  ไม่มีสติปัญญากำกับความคิด  เราก็มีความทุกข์ทางใจ  แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญาคิดนึก  ด้วยสติด้วยปัญญามาควบคุมความคิด  มันก็ไม่เกิดความทุกข์  แต่เกิดความเข้าใจในเรื่องนั้นอย่างถูกต้อง

ที่มา เรียบเรียงจาก "หลักการแก้ทุกช์" โดย ปัญญานันทภิกขุ