ทำบุญทำทานแบบไหนถึงจะได้บุญ

Share

พุทธทาส,

ล้างบาป ล้างกิเลสในใจด้วยอะไรถึงจะสะอาด


คนบางพวกทำบุญเหมือนกับน้ำโคลน คนบางพวกทำบุญเหมือนกับน้ำหอม คนบางพวกทำบุญเหมือนกับน้ำสบู่ มีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน บุญนี้เป็นเครื่องชำระบาป เป็นเครื่องล้างบาป นี้ลองคิดดูว่าทำบุญเหมือนน้ำโคลนนี่มันจะล้างอะไรได้บ้าง ทำบุญเหมือนกับน้ำหอมจะล้างอะไรได้บ้าง ทำบุญเหมือนกับน้ำสบู่จะล้างอะไรได้บ้าง ขอให้ลองคิดดู

ทำบุญเหมือนกับน้ำโคลนนั่นก็คือทำบุญสนุกสนาน เพื่อจะกินเหล้าเมายา อย่างว่าไปทอดกฐินอย่างนี้ก็เพื่อจะได้ไปสนุกสนานกินเหล้าเมายาตามประสาคนโง่คนหลง ทำบุญบางอย่างมีการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าหมู ฆ่าควาย ฆ่าวัว ฆ่าไก่ เลี้ยงดูกันอย่างเมามายเหมือนภูตผีปีศาจ นี้ก็เรียกว่าทำบุญ เขาเรียกว่าทำบุญ ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญปีใหม่ ทำบุญโกนจุก ทำบุญทอดกฐิน ทำบุญผ้าป่า ทำบุญต่างๆนานา แล้วก็เมามายเป็นภูตผีปีศาจ อย่างนี้เรียกว่าทำบุญเหมือนน้ำโคลน น้ำโคลนมันจะล้างให้สะอาดได้อย่างไร มันก็จะล้างได้หยาบๆ ล้างได้บ้าง เช่นว่าเท้าเปื้อนอุจจาระมา เอาน้ำโคลนล้างก็พอจะไปได้ แต่มันก็ไม่สะอาด

ทำบุญเหมือนกับน้ำหอม นี้ไม่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ได้ทำบาป แต่หวังมากเกินไป ทำบุญบาทเดียวได้วิมานหลังหนึ่ง ได้เกิดในสวรรค์ไม่รู้จะกี่ร้อยชาติพันชาติ นี้ก็ชื่นอกชื่นใจเหมือนกับทาน้ำหอม แต่แล้วน้ำหอมนี่จะล้างตัวให้สะอาดได้อย่างไรก็ลองคิดดูก็แล้วกัน ลองคิดดูให้ดีก็จะเห็นได้ว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่าน้ำหอมนี่ก็ไม่ใช่น้ำสะอาด มันมีอะไรปนอยู่ในน้ำนั้นมันจึงมีกลิ่นหอม ถ้าน้ำหอมนั้นทำด้วยชะมดเชียง ทำด้วยอัมพันทอง น้ำหอมชนิดนี้แล้วก็ยิ่งไม่สะอาด เพราะว่าชะมดเชียงหรือว่าอัมพันทองนี้ก็คืออุจจาระของสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งบางชนิดเท่านั้น มันเป็นน้ำมันชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอม จะมาล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดมันก็ไม่สะอาด คนโง่ๆ อาบน้ำมาสะอาดดีแล้วก็เอาน้ำหอมมาทาให้เลอะเทอะไปด้วยแป้ง ด้วยปูน ด้วยน้ำมันหอมนั้นเสียอีก เพราะเข้าใจว่ามันดีกว่า แท้ที่จริงแล้วมันไม่สะอาด ฉะนั้นควรจะพิจารณาดูให้ดีๆว่า แม้จะเอาน้ำหอมมาล้างเนื้อตัวก็ยังไม่สะอาดถึงที่สุด

คนพวกสุดท้ายที่ทำบุญเหมือนกับน้ำสบู่ เขาเอาน้ำสะอาดมาอาบมาล้างแล้วเอาสบู่มาถู แล้วเอาน้ำสะอาดมาอาบมาล้าง มาล้างจนสะอาด อย่างนี้เราเห็นได้ว่าเนื้อตัวมันสะอาด นี้ก็คือคนที่ทำบุญถูกทาง ทำบุญเพื่อชำระชะล้างกิเลส ทำบุญเพื่อตัดความโลภ ทำบุญเพื่อตัดความเห็นแก่ตัว บรรเทาความยึดมั่นถือมั่นว่าเราว่าของเราออกไปเสียจากจิตใจ ทำให้จิตใจสะอาด ทำบุญชนิดนี้เหมือนกับน้ำสบู่ หรือน้ำที่จะล้างให้สะอาดได้  

ทำบุญแบบค้ากำไรเกินควร


เรามองเห็นกันอยู่ในที่ทั่วๆไปว่า บางคนทำบุญเอาหน้าเอาตาก็มี ทำบุญแลกเปลี่ยนค้ากำไรเกินควร แลกเอาสวรรค์ก็มี ทำบุญเพื่อบำรุงศาสนาให้ศาสนามีอยู่ในโลกนี้ เป็นประโยชน์แก่คนทั้งโลกและบรรเทากิเลส โลภะ โทสะ โมหะของตนก็มี มันต่างกันอย่างมากมายถึงอย่างนี้ ไม่เหมือนกันเลย เราอยู่ในพวกที่ทำบุญชนิดไหนก็ขอพิจารณาดูให้ดี ถ้ามันยังต่ำอยู่ ยังไม่ถูกไม่ต้อง ก็ต้องทำให้มันถูกให้ต้อง และให้มันสูงขึ้นไป

ถ้าเคยทำบุญอย่างน้ำโคลน ก็เลื่อนขึ้นเป็นทำบุญอย่างน้ำหอม ถ้าเคยทำบุญอย่างน้ำหอมก็เลื่อนขึ้นไปเป็นการทำบุญอย่างน้ำสบู่ที่จะชำระชะล้างบาปได้จริง นี้เป็นคำเปรียบเป็นคำอุปมา เรื่องทำบุญอย่างที่เรียกว่าค้ากำไรเกินควรไม่ควรจะมี มันเป็นบุญไปไม่ได้ มันเป็นการค้าขาย ทำบุญบาทหนึ่งเอาได้วิมานหลังหนึ่ง นี่ลองคิดดูเถิดว่าการค้าขายที่ไหนในโลกนี้ก็ยังไม่ได้กำไรมากมายถึงอย่างนี้ เรียกว่าไม่ใช่การทำบุญ มันเป็นการค้าขายที่เอากำไรมากเกินควร มันคงจะเป็นเรื่องงมงายมากกว่า แต่ถ้าทำบุญเพื่อสละออกไป ไม่รับอะไรเอาเข้ามา เรื่องของเราไม่ต้องพูดถึง พูดถึงแต่เพื่อนมนุษย์ในโลก บริจาคเงินบริจาคทรัพย์ออกไปเพื่อบำรุงศาสนาเอาไว้ ให้ศาสนามีอยู่ในโลก แล้วคนทุกคนในโลกพลอยได้รับประโยชน์ อย่างนี้มันต่างกันมากกับที่ว่าคนๆหนึ่งทำบุญบาทเดียวจะเอาวิมานหลังหนึ่ง มันต่างกันอย่างที่เปรียบกันไม่ได้ คนที่ทำบุญเพื่อไปบำรุงศาสนาไว้ให้เป็นประโยชน์แก่โลกนี้ เขาไม่ได้ค้ากำไรเกินควร เขาไม่ต้องการอะไรเป็นของตัว เขาต้องการจะให้ผู้อื่นได้รับ ให้คนทั้งโลกได้รับ อย่างนี้มันจึงเป็นการทำบุญที่ล้างบาปได้จริง มีจิตใจสะอาด สว่าง สงบได้จริง จึงเรียกว่าเป็นการทำบุญในขั้นสูงสุด  

ทีนี้ทำไมจึงไม่ทำบุญชนิดนี้กันบ้าง มักจะทำบุญแต่เรื่องค้ากำไรเกินควร หรือว่าทำบุญต่ำลงไปกว่านั้นอีก ก็คือทำบุญอย่างน้ำโคลน ทำบุญตามแบบของคนอันธพาล จัดงานบุญขึ้นมาเพื่อจะได้กินเหล้าเมายาเหมือนภูตผีปีศาจ ทำไมจึงทำอย่างนี้ ทั้งนี้ก็เพราะว่ามันไม่เคยคิดเคยนึก มันโง่มันงมงาย นั่นแหละคือการที่ไม่เลื่อนชั้น ถ้ารู้จักเลื่อนชั้นมันก็หายโง่หายงมงายทำได้สูงขึ้นไป

ฟังทั้งหมดได้ที่ http://sound.bia.or.th/catalogue.php?item_code=1945101126000