เมื่อวันเสาร์ที่ 6 พ.ค. 2566 คณะจากสวนโมกข์กรุงเทพได้เดินทางไปกราบของคำชี้แนะจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ณ ที่พักสงฆ์ในชนบท อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ในวาระครบรอบ 12 ปีสวนโมกข์กรุงเทพ ในประเด็นการสร้างสรรค์สังคมรมณีย์ โดยได้มีการบันทึกเทปที่จะนำมาให้ชมกันใน งานบุญ 12 ปีสวนโมกข์กรุงเทพ วันที่ 20 พ.ค. 2566 นี้ (รายละเอียดกิจกรรม คลิกที่นี่) และนี่คือบันทึกของบรรยากาศของการเดินทางและการเข้าพบพร้อมคำชี้แนะของท่านเจ้าประคุณประยุทธ์ ที่มีบทสรุปว่าการทำสังคมให้รมณีย์ต้องผ่านการสร้างบุคคลรมณีย์ (อ่านคำถอดความทั้งหมด)
"ไม่ว่าบ้าน ไม่ว่าป่า ไม่ว่าที่ลุ่ม หรือที่ดอน ผู้ไกลกิเลสอยู่ที่ไหน ที่นั้นไซร้เป็นถิ่นสถานอันรมณีย์"
บันทึก
ที่พำนักของพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าประคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต หรือ 'เจ้าประคุณอาจารย์' นั้น ปัจจุบันอยู่ที่สุพรรณ แต่เป็นสุพรรณระยะสุดท้าย ใกล้จะกลายเป็นกาญจนบุรีเต็มที ขนาดคณะหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ แล่นออกจากกรุงเทพแต่ช่วงสาย กว่าจะถึงสำนักของเจ้าประคุณอาจารย์เอาก็เมื่อใกล้บ่ายสองแล้ว และด้วยความใกล้กาญจนบุรี บวกกับความหน้าร้อนแบบมหันตฤดูนี้ ทำให้แม้จะได้โดยสารอยู่ในเบนซ์แอร์เย็นฉ่ำ แต่เมื่อทอดตาดูความเจิดจ้าของดินที่สะท้อนแดดเที่ยงวันสองฟากถนนแล้ว กลับชวนให้ประหวัดนึกถึงการขึ้นรถบัสพัดลมของกรมการรักษาดินแดน ไปเข้าค่ายฝึกรด. ที่เขาชนไก่ตั้งแต่เมื่อสิบยี่สิบปีมาแล้วมากกว่า
ความรู้สึกถึงขอบหน้าต่างรถทัวร์ที่แดดเที่ยงเผาจนทำเอาสะดุ้งยามเผลอเอาศอกไปเท้าในครั้งกระนั้น ยังดูสมจริงสมจังในความทรงจำเสียยิ่งกว่าประชาธิปไตยในช่วงที่ผ่านมา
เมื่อไปถึงสำนักของเจ้าประคุณอาจารย์ แดดกำลังเปรี้ยงได้ที่ คณะหอจดหมายเหตุฯ เดินหยีตาเข้าไปที่กุฏิไม้เรียบง่ายที่เจ้าประคุณพำนักและใช้รับแขก ชายทุ่งอันเป็นที่ตั้งกุฏิ โล่งแห้งไม่แพ้เขาชนไก่จริงๆ เฟื่องฟ้าใกล้ๆ กุฏิถึงได้ออกดอกงามนัก ทีนี่ไม่มีร่มเงาจากไม้ใหญ่บดบังแผ่น 'ฟ้า' ดอกจึง 'เฟื่อง' กันได้สมชื่อ
ด้วยสุขภาพของเจ้าประคุณอาจารย์ที่เคยป่วยด้วยวัณโรคถึงกับไอเป็นเลือด และใช้งานปอดได้เพียงข้างเดียว จนแม้ก่อนโควิดท่านก็ระบมเจ็บปอดหรือไอกำเริบได้จากเพียงการพูดสนทนาจนต้องหลบมาอยู่เงียบในที่ห่างไกลเช่นนี้ ประกอบกับภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่ทำให้ท่านไม่อาจฉีดวัคซีนโควิดได้ ทางสำนักของท่านจึงลาดเสื่อไว้ใต้ร่มผ้าสแลนหน้ากุฎิไว้ให้เป็นที่นั่งของแขก เพื่อให้พอมีระยะห่างจากท่านเจ้าประคุณที่นั่งอยู่บริเวณนอกชานของกุฏิ เป็นมาตรการสร้างระยะลดความเสี่ยง