ยูเนสโก (UNESCO) ยกย่องพุทธทาสภิกขุ ให้เป็น บุคคลสำคัญของโลก เมื่อปี 2548
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ได้มีมติประกาศยกย่อง พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินฺทปญฺโญ) หรือ พุทธทาสภิกขุ ให้เป็น บุคคลสำคัญของโลก (World’s Great Personality).
มติการประกาศยกย่องนี้เกิดขึ้นในการประชุมสมัยสามัญของยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2548 การยกย่องดังกล่าวมีขึ้นในวาระที่ท่านพุทธทาสภิกขุจะมีชาตกาลครบ 100 ปี ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2549.
เหตุผลและคุณูปการที่นำไปสู่การยกย่อง
การที่ยูเนสโกประกาศยกย่องท่านพุทธทาสภิกขุมีเหตุผลหลักมาจากคุณูปการอันโดดเด่นในหลายมิติ ดังนี้:
- การส่งเสริมสันติภาพและความเข้าใจระหว่างศาสนา: เหตุผลสำคัญที่สุดคือการที่ท่านได้อุทิศตนเพื่อส่งเสริมขันติธรรม สันติธรรม และสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนาต่างๆ เพื่อนำไปสู่สันติภาพของมวลมนุษย์และสังคม. ท่านเป็นผู้บุกเบิกในแนวทางนี้และได้รับการยอมรับจากผู้คนหลากหลายความเชื่อ
- การตีความธรรมะให้ร่วมสมัย: ท่านมีบทบาทสำคัญในการตีความและเผยแผ่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาในลักษณะที่ร่วมสมัย สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงกับปัญหาของสังคมและชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน ผลงานของท่านได้ฟื้นฟูวิธีคิดแบบพุทธขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับหลักเหตุผลและวิทยาศาสตร์
- อิทธิพลในระดับนานาชาติ: ผลงานของท่าน ทั้งในรูปแบบหนังสือและธรรมบรรยาย ได้รับการแปลและเผยแพร่อย่าง
กว้างขวางในหลายภาษาทั่วโลก ทำให้ท่านได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในฐานะสมณปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ - คุณูปการด้านการศึกษา: ท่านได้รับการยกย่องในด้านการศึกษาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาที่สมบูรณ์ ซึ่งต้องพัฒนาทั้งสติปัญญาและศีลธรรมควบคู่กันไป
- การต่อสู้กับวัตถุนิยม: หนึ่งในปณิธานสำคัญของท่านคือการ “ดึงเพื่อนมนุษย์ให้ออกมาจากอำนาจของวัตถุนิยม” ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่ยูเนสโกให้การยอมรับว่าเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ
ในทึกการประชุมสมัยสามัญของยูเนสโก ครั้งที่ 33 ณ กรุงปารีส วันที่ 3-21 ตุลาคม พ.ศ. 2548, เล่มที่ 1: มติที่ประชุม การยกย่องท่านพุทธทาสภิกขุ ปรากฏอยู่ใน มติข้อที่ 60 (Resolution 60) ในหัวข้อ “Celebration of anniversaries with which UNESCO will be associated in 2006-2007” (การร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบในปี 2549-2550 ที่ยูเนสโกจะเข้าร่วม)
ในหน้าที่ 126 ของเอกสาร PDF จะมีรายชื่อบุคคลและเหตุการณ์สำคัญที่ยูเนสโกมีมติให้ร่วมเฉลิมฉลอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ:
(56) 100th anniversary of the birth of the Venerable Buddhadasa Bhikkhu (1906-1993) (proposal by Thailand)
นอกจากการยกย่องในฐานะบุคคลสำคัญของโลกแล้ว หนังสือ “แก่นพุทธศาสน์” ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำคัญของท่าน ยังเคยได้รับรางวัลชนะเลิศจากยูเนสโกอีกด้วย
ในเอกสารนำเสนอต่อยูเนสโก (UNESCO) ได้กล่าวถึงความสอดคล้องกับภารกิจยูเนสโก: คุณูปการของท่านพุทธทาสสอดคล้องกับภารกิจของยูเนสโกในหลายมิติ ทั้งด้านการศึกษาที่เน้นการพัฒนาจิตใจ แนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์ และการสร้างวัฒนธรรมแห่งสันติภาพและสันติวิธี เช่น
ผลงานทางธรรม
- ผลงานของท่านกว่า 140 เล่มถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษ และอีกหลายภาษาทั่วโลก และได้รับการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในยุโรปและอเมริกาเหนือ
- งานของท่านถูกแปลมากกว่าปราชญ์ชาวไทยคนอื่นๆ และได้รับการศึกษาทั่วโลก
- ท่านเป็นพระไทยรูปแรกที่ประกาศว่าพุทธศาสนานิกายมหายานและวัชรยานมีความสำคัญต่อการเข้าใจธรรมะ
การส่งเสริมความเข้าใจระหว่างศาสนา: ท่านศึกษาศาสนาต่างๆ อย่างกว้างขวาง ทั้งคริสต์ อิสลาม ฮินดู และซิกข์ และได้ตั้ง “ปณิธาน 3 ประการ” คือ:
-
- ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงหัวใจของศาสนาตน
- สร้างความเข้าใจอันดีระหว่างทุกศาสนา
- ร่วมมือกันฉุดลากโลกให้ออกมาจากวัตถุนิยมและความเห็นแก่ตัว
- ท่านเป็นพระไทยรูปแรกที่ประกาศว่าพุทธศาสนานิกายมหายานและวัชรยานมีความสำคัญต่อการเข้าใจธรรมะ
- ท่านเป็นผู้บุกเบิกในการส่งเสริมความเข้าใจระหว่างศาสนา และได้รับการยอมรับจากผู้นำศาสนาอื่น เช่น คริสต์ อิสลาม และองค์ทะไลลามะ
- ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของเครือข่ายพุทธศาสนิกชนสากลเพื่อสังคม (International Network of Engaged Buddhists – INEB)
การก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรม: ท่านก่อตั้งสวนโมกขพลารามเพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรมท่ามกลางธรรมชาติ ต่อมาได้ตั้ง “สวนโมกข์นานาชาติ” (International Dhamma Hermitage) ในปี พ.ศ. 2530 สำหรับชาวต่างชาติ และ “ธรรมมาตา” สำหรับผู้หญิง รูปแบบของสวนโมกข์ได้กลายเป็นต้นแบบให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งอื่นๆ ทั่วประเทศ
พุทธศาสนาเพื่อสังคม (Socially Engaged Buddhism): ท่านใช้หลักธรรมเพื่อตอบสนองต่อปัญหาสังคมสมัยใหม่ เช่น ความรุนแรง วัตถุนิยม
การยกย่องของยูเนสโกจึงเป็นการยืนยันถึงคุณค่าในผลงานและอุดมการณ์ของท่านพุทธทาสภิกขุที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในแวดวงพุทธศาสนาหรือในประเทศไทย แต่ได้สร้างประโยชน์และแรงบันดาลใจในระดับสากลอย่างแท้จริง