รู้จัก “จดหมายเหตุ”
จดหมายเหตุ พุทธทาส

เมื่อกล่าวถึง “จดหมายเหตุ” หลายคนอาจนึกถึงเพียงเอกสารเก่าเก็บที่เต็มไปด้วยฝุ่นผง แต่ในความเป็นจริงแล้ว จดหมายเหตุคือสถาบัน ความรู้ และกระบวนการที่เกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับการพิทักษ์ความทรงจำของสังคม การบริหารงานภาครัฐ ความยุติธรรม การเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และการมีส่วนร่วมของพลเมือง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบลายลักษณ์ แผนที่ ฟิล์ม หรือไฟล์ดิจิทัล จดหมายเหตุคือพื้นที่ที่อดีตและปัจจุบันมาบรรจบกัน ผ่านการตีความและใช้งานโดยผู้คนในทุกยุคทุกสมัย

นิยามของจดหมายเหตุ: มากกว่าแค่บันทึก

คำว่า “จดหมายเหตุ” (Archive) มีความหมายที่หลากหลายและสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง สามารถจำแนกได้ดังนี้:

  • เอกสารจดหมายเหตุ (Archival Records): หมายถึงตัวเอกสารหรือบันทึกที่ถูกสร้างขึ้นหรือได้รับมาในระหว่างการดำเนินกิจกรรมขององค์กรหรือบุคคล ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นเอกสารที่ไม่ได้ตีพิมพ์และมักมีลักษณะเฉพาะตัว (unique) แตกต่างจากหนังสือหรือนิตยสารที่มีการผลิตซ้ำหลายฉบับ
  • หอจดหมายเหตุ (Archival Institution): หมายถึงสถาบันหรืออาคารสถานที่ที่ทำหน้าที่รวบรวม จัดเก็บ สงวนรักษา และให้บริการเอกสารจดหมายเหตุ
  • วิชาจดหมายเหตุ (Archival Science): หมายถึงสาขาวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาและการปฏิบัติในการจัดการ การเก็บรักษา และการจัดให้มีการเข้าถึงข้อมูลและสื่อในหอจดหมายเหตุ
  • จดหมายเหตุดิจิทัล (Digital Archive): ในบริบททางคอมพิวเตอร์ อาจหมายถึงไฟล์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือเอกสารที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานเป็นประจำอีกต่อไป เพื่อการเก็บรักษาในระยะยาว

รากศัพท์ของคำว่า “Archive” สามารถสืบย้อนไปถึงคำในภาษากรีกว่า arkheion ซึ่งหมายถึงที่พำนักหรือสำนักงานของ archon หรือผู้ปกครอง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เอกสารสำคัญของรัฐถูกเก็บรักษาและตีความ

รากศัพท์นี้เผยให้เห็นความเชื่อมโยงอันยาวนานระหว่างจดหมายเหตุ การปกครอง และอำนาจรัฐ ซึ่งเป็นมิติที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจบทบาทของจดหมายเหตุในสังคม ผู้ที่ทำงานในด้านนี้จะถูกเรียกว่า นักจดหมายเหตุ (Archivist) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดการเอกสารเหล่านี้

คุณค่าและประโยชน์ของจดหมายเหตุ

เอกสารจดหมายเหตุมีคุณค่าและความสำคัญในหลายมิติ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องมีการเก็บรักษาไว้อย่างถาวร:

  • หลักฐานและความรับผิดชอบ (Evidence and Accountability): จดหมายเหตุทำหน้าที่เป็นหลักฐานปฐมภูมิที่สำคัญยิ่งในการยืนยันการดำเนินงาน การตัดสินใจ และพัฒนาการของหน่วยงาน ทำให้สามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสาธารณะได้
  • ประโยชน์ทางการบริหารและกฎหมาย (Administrative and Legal Utility): เอกสารจดหมายเหตุเป็นเครื่องมือในการบริหารงานอย่างต่อเนื่อง และมีความสำคัญอย่างยิ่งในการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายและการเงิน ทั้งของสถาบันและบุคคล เช่น เอกสารสิทธิ์ในที่ดิน หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนของประเทศซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ
  • การพิทักษ์ความทรงจำของชาติและส่วนรวม (Preserving National and Collective Memory): จดหมายเหตุคือวัตถุดิบสำคัญของประวัติศาสตร์ เป็นขุมทรัพย์ที่เก็บรักษามรดกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และหลักฐานอันทรงคุณค่าไว้สำหรับคนรุ่นหลัง ทำให้สามารถศึกษาค้นคว้าวิจัยในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อทำความเข้าใจอดีตและปัจจุบันได้อย่างลึกซึ้ง
  • การสร้างคุณค่าร่วมกัน (Co-creation of Value): คุณค่าของเอกสารจดหมายเหตุไม่ได้มีอยู่เพียงในตัวเอกสารเอง แต่จะถูกปลุกขึ้นมาผ่านกระบวนการค้นคว้าและตีความของผู้ใช้งาน ความรู้และคำถามที่นักวิจัยนำมาสู่หอจดหมายเหตุเป็นตัวกำหนดว่าข้อมูลใดจะถูกดึงออกมาใช้ และจะมีความสำคัญมากน้อยเพียงใด สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงพลวัตระหว่างเอกสาร นักจดหมายเหตุ และผู้ใช้บริการ ซึ่งร่วมกันสร้างความหมายและความสำคัญให้กับบันทึกแห่งอดีต

ประเภทของจดหมายเหตุ

ผ่านมุมมอง 3 แกนหลัก ได้แก่ ลักษณะของเอกสาร, แหล่งกำเนิด, และ รูปแบบการจัดเก็บ การรู้จักประเภทของจดหมายเหตุ ไม่เพียงช่วยให้เราหาเอกสารได้ตรงตามความต้องการ แต่ยังทำให้เรารู้ว่าข้อมูลเหล่านี้กำลังเล่าเรื่องของใคร จากมุมมองใด และจะใช้สร้างคุณค่าอะไรต่อไปได้ในอนาคต

1. แบ่งตาม ลักษณะของเอกสาร (Form of Records)

ประเภทนี้พิจารณาจาก “รูปแบบที่จดหมายเหตุปรากฏ” ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งเอกสาร วัตถุ หรือไฟล์ดิจิทัล

  • จดหมายเหตุเอกสาร: รายงาน หนังสือราชการ จดหมาย สมุดบันทึก

  • จดหมายเหตุภาพถ่าย: ภาพนิ่งที่บันทึกบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่สำคัญ

  • จดหมายเหตุเสียง: บันทึกเสียง เช่น คำปราศรัย รายการวิทยุ สัมภาษณ์

  • จดหมายเหตุภาพเคลื่อนไหว: วิดีโอ ฟิล์ม ภาพยนตร์ที่บันทึกเหตุการณ์

  • จดหมายเหตุอิเล็กทรอนิกส์: ไฟล์ PDF, อีเมล, เว็บไซต์, ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย

  • จดหมายเหตุวัตถุ: สิ่งของที่มีความหมายเชิงประวัติศาสตร์ เช่น ตราประทับ เหรียญ สมุดพก

2. แบ่งตาม แหล่งกำเนิดของเอกสาร (Provenance)

การจำแนกตามแหล่งที่มาช่วยให้เข้าใจ “บริบท” และ “มุมมอง” ของข้อมูลที่ถูกบันทึก

  • จดหมายเหตุภาครัฐ: เกิดจากกิจกรรมของหน่วยงานราชการ เช่น กระทรวง กรม จังหวัด

  • จดหมายเหตุบุคคล: เอกสารที่เกิดจากชีวิตประจำวัน เช่น จดหมายส่วนตัว สมุดบันทึก ภาพถ่ายครอบครัว

  • จดหมายเหตุองค์กร: เอกสารของสถาบัน เช่น มหาวิทยาลัย บริษัท สมาคม มูลนิธิ

  • จดหมายเหตุศาสนา: เอกสารขององค์กรทางศาสนา เช่น วัด โบสถ์ มัสยิด เช่น สมณสาส์น คำเทศนา บันทึกพิธีกรรม

3. แบ่งตาม ลักษณะของการจัดเก็บและบทบาทของผู้ดูแล (Custodianship)

จดหมายเหตุไม่ได้ถูกเก็บไว้เพียงเพื่อเก็บเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ดูแลว่าเน้นการรักษาแบบใด

  • จดหมายเหตุแห่งชาติ: หน่วยงานหลักของประเทศ เช่น สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติของไทย

  • จดหมายเหตุท้องถิ่น: เก็บข้อมูลระดับชุมชน จังหวัด เช่น เรื่องเล่าท้องถิ่น ประเพณี ภูมิปัญญาพื้นบ้าน

  • จดหมายเหตุเฉพาะทาง: จดหมายเหตุเฉพาะกลุ่ม เช่น จดหมายเหตุพุทธทาส จดหมายเหตุแรงงาน จดหมายเหตุภาพยนตร์

  • จดหมายเหตุดิจิทัล: ใช้เทคโนโลยีจัดเก็บเอกสารออนไลน์ เช่น ฐานข้อมูลดิจิทัล เว็บไซต์ สื่อโซเชียลที่จัดเก็บอย่างมีระบบ

และเพื่อให้เข้าใจบทบาทของจดหมายเหตุได้อย่างครบถ้วน การย้อนกลับไปสำรวจ “ประวัติศาสตร์ของจดหมายเหตุเอง” ย่อมช่วยให้เห็นรากเหง้า ความเปลี่ยนแปลง และการก่อรูปของสถาบันและแนวคิดนี้ในแต่ละวัฒนธรรม — ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของเอกสาร หากยังสะท้อนอำนาจ ความรู้ และวิธีที่มนุษย์เลือกจะจดจำอดีตไว้ในปัจจุบัน อ่านเรื่อง ประวัติศาสตร์ของจดหมายเหตุ: การเดินทางของความทรงจำที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

Share