จะรำคาญไปถึงไหน? ธรรมะง่ายๆ สำหรับคนหัวร้อน
ความรำคาญ — ปัญหาเล็กๆ ที่ใหญ่โตในชีวิตประจำวัน
ในยุคที่เราถูกล้อมรอบด้วยเสียงรบกวน การจราจรติดขัด คอนเทนต์ล้นหน้าจอ และคนที่ไม่เป็นไปตามใจเรา ความรำคาญกลายเป็นอารมณ์ประจำวันของหลายคน รำคาญเพื่อนร่วมงาน รำคาญเสียงแจ้งเตือน รำคาญเสียงคนข้างห้อง หรือแม้กระทั่งรำคาญตัวเองที่หงุดหงิดง่ายเกินไป
แต่พุทธทาสภิกขุได้ให้แง่คิดไว้ชัดเจนว่าเมื่อเลิกตัวกูจะไม่มีใครทำให้รำคาญได้ หมายความว่าความรำคาญทั้งหลายไม่ได้มาจากข้างนอก แต่เกิดจากใจเราที่ไปยึดมั่นว่ามีตัวกู จึงมีตัวเราผู้ถูกกระทบอยู่ต่างหาก
ความรำคาญไม่ได้อยู่ข้างนอก มันอยู่ข้างใน
ความจริงง่ายๆ ที่เรามักลืมก็คือ ไม่มีสิ่งใดรบกวนใจเราได้ ถ้าใจเราไม่ไปยุ่งด้วย เช่นเดียวกับเมื่อมีเสียงเด็กกรี๊ดในร้านกาแฟ เรารำคาญเพราะเรารู้สึกว่าเสียงนั้นมาทำลายความสงบของ “ฉัน” ทั้งที่ความจริงคือ เสียงนั้นเป็นเพียงปรากฏการณ์หนึ่งในโลก — มันเป็นแค่เสียง ถ้าไม่มีตัวเราที่อยากให้มันเงียบ มันก็จะไม่ใช่เรื่องรำคาญเลย
“ถึงแม้จะมีใครมายั่วให้รำคาญ มันก็ไม่รำคาญหรอก เพราะมันไม่เกิดตัวกูออกมารับการยั่วให้มันเกิดความรำคาญ” — พุทธทาสภิกขุ
ตัวอย่างในชีวิตประจำวันที่เรารำคาญ… เพราะมีตัวกู ลองมาสำรวจกัน
-
แชทแล้วไม่ตอบ ทักไปในไลน์ กลับมาอ่านแล้วไม่ตอบสักที
ความรู้สึก: “ฉันไม่สำคัญหรือไง?”
ตัวกูที่ซ่อนอยู่: คาดหวังการตอบสนองในเวลาที่เราอยากได้ และตีค่าความเงียบว่าเป็นการปฏิเสธตัวเรา - คนตอบแชทสั้นๆ แบบ “อืม” ส่งยาวๆ ไปหลายบรรทัด แต่อีกฝ่ายตอบแค่คำเดียว
ความรู้สึก: “ฉันพูดไปตั้งเยอะ ทำไมไม่อินด้วย?”
ตัวกูที่ซ่อนอยู่: ตัวกูต้องการการยอมรับ การมีตัวตน และถ้าคนไม่ตอบตามที่หวัง = ไม่ให้คุณค่า - แกะกล่องพัสดุแล้วเทปติดแน่นเกิน
จะเปิดกล่องแค่นี้ ต้องใช้กรรไกร ใช้มีด แถมยังเจอบับเบิ้ลอีก 3 ชั้น
ความรู้สึก: “จะห่ออะไรนักหนา!”
ตัวกูที่ซ่อนอยู่: เพราะเราอยากให้มัน ‘ง่าย’ ตามใจเรา ไม่อยากเสียเวลามากกับเรื่องเล็กๆ
ทุกตัวอย่างข้างต้น ล้วนมีสิ่งหนึ่งเหมือนกัน — “ฉัน” หรือ “ตัวกู” นั่นเองที่ทำให้รำคาญ
ทางออกไม่ได้อยู่ที่การหนี แต่อยู่ที่การโยนตัวกูทิ้ง
“หนีไปหัวหิน ตัวกูก็ติดไปด้วย… แล้วมันจะสงบสงัดอะไร” — พุทธทาสภิกขุ
หลายคนคิดว่าถ้าจะหาความสงบ ต้องไปวัดป่า ไปดอย ไปทะเล ไปแอร์บีเอ็นบีเงียบๆ สักแห่ง แต่พุทธทาสภิกขุเตือนว่า ความสงบไม่ได้อยู่ที่สถานที่ มันอยู่ที่ใจ ถ้าเรายังแบกตัวกูไปด้วย ไม่ว่าที่ไหนก็รำคาญได้หมด
การฝึกใจให้ไม่รำคาญ จึงไม่ใช่การเปลี่ยนสภาพแวดล้อม แต่เป็นการเปลี่ยนมุมมองต่อโลก การละตัวกูให้หมด เป็นหนทางเดียวที่ถอนรากถอนโคนความรำคาญทั้งปวง
แนวทางปฏิบัติให้หมดความรำคาญ: ฝึกโยนตัวกูทิ้งในชีวิตประจำวัน
- รู้เท่าทันความรำคาญทันทีที่มันเกิด
- ทุกครั้งที่รู้สึกรำคาญ ให้หยุดนิ่ง 3 วินาทีแล้วถามตัวเองว่า “ใครรำคาญ?”
- ถามซ้ำจนเห็นว่า “ฉัน” ที่ไปรำคาญนั้นไม่มีอยู่จริง มีแต่ความยึดว่าอะไรควรหรือไม่ควรเกิด
- ลดการผูกความคาดหวังกับคนอื่น
- คนจะทำช้า จะพูดเสียงดัง จะไม่เข้าใจเรา — ปล่อยให้เขาเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
- คำของพุทธทาสว่า “ไม่มีใครแกล้งได้ ไม่มีใครทรยศได้ ไม่มีใครหักหลังได้ เพราะมันไม่มีตัวกูให้ถูกหักหลัง”
- หัดฟัง หัดมอง โดยไม่ตัดสิน
- ฟังเสียงรบกวนเป็นเพียงเสียง มองคนที่ไม่น่ารักเป็นเพียงร่างหนึ่งที่เกิดมาและตายไป
- ฝึกมองโลกเป็นเพียง “สิ่งที่เป็น” ไม่ใช่ “สิ่งที่ควรจะเป็น” ตามใจเรา
- ทำงานโดยไม่มีตัวกู
- ไม่ยึดว่าต้องได้ผลตามเป้า ไม่คิดว่าฉันต้องเก่ง ต้องสำเร็จ
- “ถ้ามีตัวกูแล้วมันเหนื่อยล่วงหน้า… ถ้าไม่มีตัวกูมันจะไม่รู้สึกเหนื่อย” — พุทธทาสภิกขุ
- อยู่กับปัจจุบัน — โดยไม่มีตัวกู
- ไม่ต้องหนีไปที่ไหน ไม่ต้องรอให้วันหยุดมาถึง เพื่อสงบใจ
- ทุกที่เป็นที่สงบได้ ถ้าไม่มีตัวกูอยู่ในนั้น
“กลางโรงละครหรือในโรงงานอุตสาหกรรมก็อยู่ได้ด้วยความสงบ เพราะว่าตัวกูมันไม่ออกมารับ” — พุทธทาสภิกขุ
สรุป: ชีวิตที่ไม่รำคาญ เริ่มได้ทันทีที่ปล่อยตัวกู
ชีวิตที่สงบ ไม่ได้อยู่ที่เสียงเงียบ หรือผู้คนเรียบร้อย แต่อยู่ที่ใจที่ไม่ยึดว่ามีตัวเราที่ต้องถูกปรนเปรอ ความรำคาญไม่มีทางทำร้ายเราได้ ถ้าเราไม่ยื่นหัวใจให้มันกระทบ
“ไม่มีอะไรเสีย… มันต้อนรับได้ดีทั้งผิดและทั้งถูก เพราะไม่มีตัวกู” — พุทธทาสภิกขุ
ขอให้ทุกวันเป็นการฝึกละตัวกู — ไม่ต้องไปถึงวัด ไม่ต้องมีอาจารย์ ไม่ต้องรอเวลา ทุกลมหายใจคือสนามฝึกใจไม่ให้ไปรับความรำคาญ
และเมื่อนั้น “ตัวกู” ก็จะกลายเป็นอดีตที่น่าขอบคุณ ที่เคยมีไว้ให้เรารู้จัก “อิสรภาพที่แท้จริง”