ระวังของชอบ

Share

พระไพศาล วิสาโล,

สิ่งที่ผ่านมาในชีวิต

    อีกไม่ถึง 2 อาทิตย์ก็จะขึ้นปีใหม่ และเช่นเดียวกันกับปีก่อนๆ ที่จะมีหลายสิ่งหลายอย่างให้เราต้องเจอะเจอหรือผ่านเข้ามาในชีวิต สิ่งต่างๆ เหล่านี้แม้จะมีมากมายเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็จำแนกได้แค่ 2 อย่างเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเราหรือว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา

    อย่างแรก คือ สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่ถูกใจ สิ่งที่เราปรารถนา คาดหวัง

    อย่างที่ 2 คือ สิ่งที่ไม่ถูกใจเรา สิ่งที่เราไม่ประสงค์ ไม่คาดหวัง ไม่อยากเจอะเจอ 

    ซึ่งอันที่จริงอาจจะมีประเภทที่ 3 คือ สิ่งที่เราเฉยๆ แต่ว่าสิ่งที่เรารู้สึกเฉยๆ มันจะมีน้อยเมื่อเทียบกับ 2 สิ่งแรก  แล้วก็มีอิทธิพลต่อชีวิตของเราน้อยกว่า 2 สิ่งแรก

    เพราะฉะนั้นถ้าจะว่าไปแล้ว ที่สำคัญๆ ที่เราต้องเกี่ยวข้อง ที่เราต้องเจอะเจอ ซึ่งก็ไม่ใช่เฉพาะในปีหน้าหรือปีต่อๆ ไป แต่ว่าต้องเจอะเจอมาโดยตลอดก็คือ 2 อย่างนั้นแหละ

    สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ถูกใจ สิ่งที่ปรารถนา มันก็มีอยู่ 2 อย่าง ถ้าจำแนกอย่างคร่าวๆ อย่างแรก คือสิ่งที่เติมสีสันให้กับชีวิตของเรา เช่น อาหารที่อร่อย เพลงที่เพราะ หรือว่าความสนุกสนาน สำหรับบางคนอาจจะได้แก่เกมออนไลน์ หลายคนอาจจะได้แก่โทรศัพท์มือถือ เพลินกับการไถทั้งวัน หรือบางคนอาจจะได้แก่การที่อยู่สบาย นั่งๆ นอนๆ

    สิ่งที่เติมสีสันให้กับชีวิตของเรานี้ ทางพุทธศาสนาก็ไม่ได้ปฏิเสธ พระพุทธเจ้าเคยตรัสในธรรมที่ชื่อว่า ‘อายุวัฒนธรรม’ คือ ธรรมที่ทำให้อายุยืน ข้อแรกก็คือ รู้จักทำความสบายให้แก่ตัวเอง ความสบายไม่ได้หมายถึงการอยู่สบายๆ อย่างเดียว อาจจะรวมถึงการที่ไม่ได้ทำงานหนัก การที่มีอาหารที่อร่อย หรือว่าเสื้อผ้าที่สวยงามก็ได้ แต่ว่าก็มีข้อที่ 2 ตามมา คือให้รู้จักประมาณในความสบาย คือให้รู้จักความพอดี เพราะถ้าสบายมากไปก็อาจจะเกิดโทษ กินแต่ของอร่อยก็จะเกิดอันตราย เกิดปัญหาสุขภาพ ถ้านั่งๆ นอนๆ หรือว่าไม่ค่อยออกกำลังกายก็อาจจะเจ็บป่วย

    สิ่งที่เราชอบที่เป็นสีสันของชีวิตก็เช่นกัน แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเพลิดเพลิน แต่ว่าท่าทีที่เราควรมีก็คือให้รู้จักความพอดี ให้รู้จักประมาณ เพราะว่าถ้าเราเสพมากไป หรือว่าบริโภคมากไป ให้เวลากับมันมากไป ก็จะเกิดโทษได้


    เราลองมานึกดู ชีวิตของคนเราส่วนใหญ่โทษที่เกิดขึ้นมักจะเกิดจากสิ่งที่เราชอบ ชอบกินของหวานมากก็เลยเป็นเบาหวาน คนที่เป็นโรคหัวใจเพราะอะไร ก็เพราะชอบกินขาหมู ชอบกินสเต็ก ชอบกินเนื้อ หลายคนมีปัญหาเรื่องไตเพราะอะไร เพราะชอบกินของเค็ม

    คนเดี๋ยวนี้มีความเจ็บป่วย ส่วนใหญ่แล้วเพราะของที่ชอบทั้งนั้น ไม่ต้องพูดถึงบุหรี่หรือเหล้า เด็กๆ หลายคนไม่อันเป็นเรียนหนังสือเลยเพราะว่าติดเกมออนไลน์ บางทีไม่ใช่แค่เสียเวลาอย่างเดียว เสียเงินเป็นแสนเป็นล้าน ทั้งที่หาเงินไม่ได้เพื่อทุ่มเทกับเกมออนไลน์
ระวังของชอบ

ของที่ไม่ชอบไม่ค่อยก่อโทษหรือก่ออันตรายแก่เรา เพราะว่าเราไม่ค่อยอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับมันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ที่เราเดือดร้อน ที่เราเป็นทุกข์ หรือที่เกิดปัญหาก็เพราะของชอบ

    บางคนชอบเล่นพนัน หนี้สินเรียกว่าล้นพ้นตัว ไม่ต้องพูดถึงคนที่ชอบกาแฟ ชอบโซเชียลมีเดีย โทรศัพท์มือถือ ไถทั้งวันจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

    สิ่งที่เป็นอันตรายแก่เราทุกวันนี้มันไม่ใช่ของที่เราไม่ชอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นของที่เราชอบทั้งนั้น  เพราะฉะนั้นแม้มันจะทำให้ชีวิตของเรามีสีสัน มีความสุข แต่ว่าก็ควรจะรู้จักความพอดี ท่านใช้คำว่า ‘รู้จักประมาณ’ ความรู้จักประมาณในการบริโภคนี้เป็นข้อหนึ่งเลยในโอวาทปาติโมกข์

สิ่งที่มีคุณค่าได้มาด้วยความเพียร

    สิ่งที่เราชอบ นอกจากสิ่งที่เป็นสีสันของชีวิตหรือเพิ่มความเอร็ดอร่อยให้กับชีวิตแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิต เช่น สุขภาพที่ดี แข็งแรง มีกำลังวังชา ไม่เจ็บไม่ป่วย หรือว่าการงานที่ดี มั่นคง ราบรื่น ครอบครัวที่อบอุ่น ความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลแน่นแฟ้น อาจจะรวมไปถึงการได้รับความยอมรับจากผู้คน

    สิ่งที่ว่านี้ใครๆ ก็ชอบ แล้วมันก็มีคุณค่าต่อชีวิตด้วย แต่ว่ามันไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะหามาได้ง่ายๆ อย่างของจำพวกแรก อาหารที่อร่อย เพลงที่เพราะ เกมออนไลน์ พวกนี้มันต้องอาศัยการเสพ แล้วก็มันหาง่าย แต่สิ่งที่เป็นคุณค่าต่อชีวิต เช่น สุขภาพที่ดี ครอบครัวที่อบอุ่น การงานที่ราบรื่นประสบความสำเร็จ พวกนี้มีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะได้ มันต้องลงแรง บางทีก็เรียกว่าต้องลงทุนลงแรง ต้องทำความเพียร

    คุณจะมีสุขภาพดี คุณก็ต้องหมั่นขยันออกกำลังกาย คุณจะมีการงานที่ดี คุณก็ต้องหมั่นต้องขยันเรียน มีวิชาความรู้ แล้วก็ขยันทำงาน คุณจะมีครอบครัวที่ดี คุณก็ต้องให้เวลากับบุคคลในครอบครัว ต้องรู้จักอดทนอดกลั้น พูดรวมๆ คือ ต้องมีความเพียร ต้องมีความพยายาม

    ต่อเมื่อมีความเพียร ความพยายาม ให้เวลากับมัน เราจึงจะประสบหรือเข้าถึงสิ่งดีๆ ที่เราชอบ ที่เราปรารถนา

    ซึ่งทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าสิ่งที่ชอบประเภทแรกนั้น มันมักจะดึงเวลา ดึงความสนใจของเรา จนกระทั่งเราไม่มีเวลาให้กับสิ่งที่ชอบประเภทที่ 2 เช่น ชอบกินของอร่อย ชอบกินของหวาน ชอบกินเนื้อ สุขภาพก็เลยแย่ แล้วแถมไม่ออกกำลังกาย นั่งๆ นอนๆ โรคภัยก็ถามหา ไถโทรศัพท์มือถือทั้งวัน ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูก ไม่มีเวลาให้กับคนรัก

    แล้วมันต้องใช้ความตั้งอกตั้งใจ ต้องใช้การรู้จักบริหารเวลา แล้วก็ต้องใช้ความเพียรพยายาม มันยากที่เราจะสามารถประสบเข้าถึงสิ่งที่เราชอบประเภทที่ 2 ได้ สุขภาพ ครอบครัว การงาน ความสัมพันธ์ การเป็นที่ยอมรับ เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ง่าย เป็นเรื่องที่ยากแต่ก็ไม่เหลือวิสัย
ยอมรับสิ่งที่ไม่ชอบ

    แต่สิ่งที่ยากกว่าคืออะไร ก็คือการที่เราต้องเจอกับสิ่งที่ไม่ชอบ การที่เราเพียรพยายามจนกระทั่งมีสุขภาพดี มีการงานที่ดี มีครอบครัวที่ดี ได้รับสิ่งดีๆ ในชีวิต มันเป็นเรื่องที่ต้องให้เวลา ต้องทุ่มเท ต้องใช้ความเพียรพยายาม ซึ่งเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าก็คือการยอมรับสิ่งที่ไม่ชอบ ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่เราชอบ

    การที่จะทำงานให้สำเร็จต้องใช้ความเพียรความพยายาม เป็นเรื่องยาก แต่ที่ยากกว่าก็คือการทำใจยอมรับเมื่อเจอกับความล้มเหลวหรือไม่ประสบความสำเร็จ การที่เราจะยอมรับความล้มเหลวความไม่สำเร็จด้วยใจที่สงบ เป็นเรื่องยากกว่าการที่เราประสบความสำเร็จ สุขภาพเป็นสิ่งที่เราชอบ แล้วเราก็พยายามที่จะประคองรักษาตัว รักษาสุขภาพให้ดี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่สิ่งที่ยากกว่าก็คือยอมรับความเจ็บป่วย

    แล้วเราปฏิเสธไม่ได้ว่าในชีวิตของเรานั้นหรือในแต่ละวัน เราจะต้องเจอกับสิ่งที่ไม่ชอบ แม้เราจะพยายามที่จะให้ได้บรรลุถึงสิ่งที่เราชอบก็ตาม ความสำเร็จ ความสุข การมีสุขภาพดี การมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่น แต่ว่าสิ่งที่ตรงข้ามมันก็สามารถจะเกิดขึ้นได้ แล้วมันเกิดขึ้นได้เสมอ ในโลกนี้การที่เราจะเจอแต่สิ่งที่ชอบมันเป็นไปไม่ได้ เราต้องเจอกับสิ่งที่เราไม่ชอบด้วย

ในขณะที่มันมีวิธีการต่างๆ มากมาย ที่สอนเราว่าเราจะบรรลุถึงความสำเร็จได้อย่างไร เราจะมีสุขภาพที่ดีได้อย่างไร เราจะมีครอบครัวที่อบอุ่นได้อย่างไร มี How to เพื่อที่จะบรรลุถึงสิ่งเหล่านี้มากมาย แต่สิ่งที่พูดถึงกันน้อยก็คือว่า แล้วถ้าเราไม่บรรลุ ถ้าเราไม่ได้สิ่งนั้น แทนที่จะได้ความสำเร็จกลับเจอความล้มเหลว แทนที่จะได้การมีสุขภาพดี มีกำลังวังชา กลับเจอความเจ็บป่วย แทนที่เราจะมีครอบครัวที่อบอุ่น ปรากฏว่าบางคนในครอบครัวที่เรารักล้มหายตายจากไป เราจะทำอย่างไร


    อย่างที่อาตมาบอกว่าการที่เราจะได้บรรลุถึงสิ่งที่ชอบนั้นมันยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าก็คือการที่เราจะสามารถจะยอมรับสิ่งที่ไม่ชอบด้วยใจที่สงบ สิ่งที่เป็นความล้มเหลว ความเจ็บป่วย ความสูญเสีย พลัดพราก ไม่ว่าจะเป็นของรักหรือคนรัก การที่คนรักไม่เป็นไปตามใจ อาจจะมีจากเป็นหรือจากตาย หรือการที่ไม่ได้รับคำยกย่องสรรเสริญ มีแต่คำต่อว่าด่าทอ แล้วถ้าเราไม่รู้จักยอมรับสิ่งนี้ มันก็จะเป็นการเพิ่มทุกข์ให้กับเรา

    เราถูกสอนมาว่าจะทำอย่างไรเราถึงจะบรรลุความสำเร็จ แต่เราไม่ค่อยได้รับคำแนำว่าเราจะควรทำอย่างไรหรือควรจะวางใจอย่างไรเมื่อเจอสิ่งตรงข้าม

     How to สู่ความสำเร็จนี้ มี How to สู่ชีวิตขาขึ้นมีเยอะ แต่ How to ในการรับมือกับความล้มเหลว หรือ How to ในการรับมือกับชีวิตขาลง เรากลับไม่ค่อยได้พูดถึงกันเท่าไหร่ หรือไม่ค่อยได้ใส่ใจกันเท่าไหร่ อาตมาว่าเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจกันให้มาก เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องประสบ ไม่ว่าจะดูแลสุขภาพดีอย่างไร ก็อาจจะมีวันที่ต้องเจ็บป่วย ไม่ว่าจะทำงานดีอย่างไร ประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่าก็ต้องเจอกับความล้มเหลว ไม่ว่าเราจะดูแลคนรัก ให้เวลากับเขาอย่างไร สุดท้ายก็ต้องมีวันที่เขาไม่เป็นไปดังใจ หรือว่าเขาต้องจากเราไป เราจะทำอย่างไร

ไม่ยอมรับความจริงคือการซ้ำเติมตัวเอง

    อาตมาคิดว่าสิ่งสำคัญก็คือ การรู้จักยอมรับสิ่งเหล่านี้เมื่อมันเกิดขึ้น เพราะถ้าเรายอมรับไม่ได้ มันก็จะเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ให้กับเรา เมื่อเจ็บป่วย เรายอมรับความเจ็บป่วยไม่ได้ มันก็จะไม่ใช่แค่ป่วยกายแต่ป่วยใจด้วย เมื่อสูญเสียทรัพย์ เรายอมรับไม่ได้ ก็จะไม่ใช่แค่เสียทรัพย์ อาจจะเสียสุขภาพจิต แล้วก็ตามไปด้วยการเสียสุขภาพกาย แล้วก็เสียงานเสียการ แล้วอาจจะเสียความสัมพันธ์กับคน เพราะว่าพออารมณ์ไม่ดีก็หงุดหงิดใส่คนไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นลูก คนรัก เพื่อนร่วมงาน เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน ถ้างานล้มเหลวแต่วางใจไม่ถูก ยอมรับไม่ได้ มันก็จะไม่ใช่แค่งานล้มเหลว แต่ตัวเองก็จะล้มเหลวไปด้วย บางคนก็ถึงกับหมดสภาพไปเลยหรือถึงกับทำร้ายตัวเอง

    ในยามที่คนรักของเราล้มหายตายจากไป ถ้าเรายอมรับไม่ได้ บางทีเราจะเสียยิ่งกว่านั้น อย่างมีครอบครัวหนึ่ง สามีเป็น Family Man ดูแลภรรยา ใส่ใจลูก ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่กินเหล้า ให้เวลากับครอบครัวมาก แล้ววันหนึ่งสามีป่วย ภรรยาชะล่าใจ ไม่คิดว่าจะเป็นอะไรมาก ในที่สุดก็พบว่าสามีเป็นโรคร้ายมะเร็งตับ แล้วมันก็ลามเร็วมาก ไม่กี่เดือนเท่านั้นแหละสามีก็จากไป ภรรยาทำใจไม่ได้ ยอมรับไม่ได้ที่สามีจากไป แล้วก็โทษตัวเองด้วยว่าเป็นเพราะชะล่าใจทั้งที่ตัวเองก็ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล ที่จริงมันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย เพราะว่ามะเร็งตับแม้จะรู้ล่วงหน้า แต่ว่าเมื่อรู้แล้วมันก็มักจะสายไปเสมอ

    สามีตายจากไปแล้ว เธอก็ยอมรับไม่ได้ ทุกๆ เช้าเธอก็ทำอาหารให้สามีกิน วางไว้บนโต๊ะที่สามีเคยนั่ง เสมือนกับว่าสามียังอยู่ ทุกวันนี้หลายครั้งก็จะโทรไปหาเบอร์สามีซึ่งยังไม่เลิกตัดสาย เพื่อจะได้ฟังเสียงจาก Answering Machine จากเครื่อง เสมือนว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เธอหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ จนลืมไปว่าตัวเองมีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง อายุ 12 ปี หมกมุ่นอยู่กับการหลอกตัวเองว่าสามียังมีชีวิตอยู่ แล้วก็ลืมลูกสาวไปเลย ลูกสาวอายุ 12 แล้ว ลองคิดดู เสียพ่อแล้ว แม่ไม่สนใจลูกสาว ก็เป็นไปได้ง่ายมากที่ลูกสาวก็อาจจะกลายเป็นอื่นไปในเวลาไม่นาน อาจจะหันไปหาเพื่อน แล้วถ้าเป็นเพื่อนที่ไม่ดีก็เรียกว่าไม่ใช่แม่ที่เสียสามีเท่านั้น ต่อไปก็จะเสียลูกไปด้วย ลูกไม่ได้ตายแต่ว่ากลายเป็นอื่นไป เพราะว่ายอมรับการจากไปของสามีไม่ได้ สุดท้ายก็จะต้องเสียลูกไปอีกคน

การที่คนเราเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งที่อาตมาเรียกว่า ‘ไม่ชอบ’ มันสำคัญมาก เพราะเราต้องเจอ ไม่ว่าเราจะเพียรพยายามอย่างไร มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะประสบความสำเร็จได้ทุกครั้ง หรือได้บรรลุถึงสิ่งที่เราชอบได้ทุกเวลา

    ในเมื่อต้องเจอกับสิ่งที่ไม่ชอบ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ แล้ววิธีที่จะอยู่กับมันให้ได้โดยที่ใจไม่ทุกข์ก็คือ ‘ยอมรับ’ มันเป็นเบื้องต้น ยอมรับมันด้วยใจที่สงบ แล้วถ้าเรายอมรับมันได้ เราก็จะสามารถที่จะก้าวเดินต่อไปได้ เราสามารถที่จะเอาสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาเป็นบทเรียน ในการที่จะทำให้เราไม่เพียงแต่สามารถรับมือกับความทุกข์ ความล้มเหลว หรือว่าสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ได้ในอนาคต แต่จะช่วยทำให้เราสามารถจะบรรลุถึงสิ่งที่ดีๆ ที่ปรารถนาได้มากขึ้นเรื่อยๆ

    อันนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตในทางโลกเท่านั้น การใช้ชีวิตในทางธรรมหรือการปฏิบัติธรรมเรื่องนี้ก็สำคัญด้วยเหมือนกัน เพราะเวลาปฏิบัติธรรมหลายคนก็ปรารถนาว่าจะได้ประสบพบธรรมเบื้องสูง อย่างน้อยๆ ก็ความสงบ หลายคนก็มีความเพียรจนสามารถที่จะเข้าถึงความสงบ พบความสงบได้จากการภาวนา จากการปฏิบัติ แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะประสบความสำเร็จ ได้พบกับความสงบ จะต้องมีบางครั้งหรือหลายครั้งที่เราต้องเจอกับสิ่งตรงข้ามที่เราไม่ชอบคือ ‘ความไม่สงบ’

นักปฏิบัติธรรมจำนวนไม่น้อย แม้จะมีความเพียรในการที่จะเข้าถึงความสงบ แต่พอเจอความไม่สงบเข้าก็วางใจไม่ถูก เกิดความหงุดหงิด เกิดความทุกข์ขึ้นมา จริงๆ ความไม่สงบเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าพอวางใจไม่ถูก ยอมรับไม่ได้ มันก็สร้างทุกข์

    มีหลายคนภาวนาไปภาวนามาเกิดความหงุดหงิดเพราะว่าจิตมันไม่สงบเลย ทำยังไงมันก็ไม่สงบ ยิ่งกดข่ม ยิ่งบังคับจิต มันก็ยิ่งฮึดสู้ ยิ่งพยศ สุดท้ายโมโหถึงขั้นเอารองเท้าแตะฟาดหัวตัวเอง บางคนภาวนาไปภาวนามา เอามือกำปั้นทุบอกตัวเอง ตุบตับๆ  ทำไมมันคิดมากเหลือเกิน เป็นเพราะอะไร เพราะว่าไปคาดหวังความสงบ แต่พอไม่พบกับสิ่งที่คาดหวังสิ่งที่ถูกใจคือความสงบแล้ว ก็เสียศูนย์ไปเลย

    คนที่เขาไม่ปฏิบัติธรรม ไม่มีใครที่เขาเอารองเท้าแตะฟาดหัวตัวเอง ไม่มีใครที่เขาเอากำปั้นมาทุบอกตัวเอง แต่ทำไมนักปฏิบัติธรรมหลายคนเป็นอย่างนั้น ก็เพราะว่าไปคาดหวังจะได้พบกับความสงบ แต่พอเจอสิ่งที่ตรงข้าม วางใจไม่ถูก

ส่วนหนึ่งจาก การบรรยายในกิจกรรม "ฟังธรรมตามกาล" สวนโมกข์กรุงเทพ 21 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นกิจกรรมในเทศกาลเจริญสติ