ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับพระพุทธรูปและวัตถุมงคล

Share

ปัญญานันทภิกขุ, เข้าใจให้ถูก,

    เมื่ออาทิตย์ก่อนได้ทำความเข้าใจกับญาติโยมทั้งหลายในเรื่องเกี่ยวกับวัตถุที่เรานำมาสักการะบูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ พระพุทธรูป อันเป็นสิ่งที่เราเคารพสักการะกันมานานแล้ว เพื่อให้ญาติโยมได้เกิดความเข้าใจว่า พระพุทธรูปที่เรากราบไหว้กันอยู่นั้น เกิดขึ้นอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง แรกเริ่มเดิมทีนั้นมีหรือไม่ แล้วเกิดมีขึ้นเพราะอะไร เราได้กราบได้ไหว้กันอยู่เพื่ออะไร เพื่อจะได้เข้าใจถูกต้อง ไม่เข้าไปยึดถือในสิ่งนั้น ในทางที่ไม่ตรงกับการปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา คือไปเชื่อในสิ่งนั้นว่าจะช่วยตนให้พ้นภัย พ้นอันตรายในรูปต่าง ๆ ถือเป็นของขลังไป เป็นของศักดิ์สิทธิ์ไป แล้วก็เข้าไปวิงวอนขอร้อง บนบานศาลกล่าว เพื่อจะให้ช่วยตนในรูปต่าง ๆ ซึ่งการกระทำในรูปอย่างนั้น ไม่ตรงกับความหมายทางพระพุทธศาสนา เพราะในทางพระพุทธศาสนาของเรานั้น ไม่มีเรื่องการอ้อนวอนขอร้อง ในรูปอย่างนั้น มีแต่เรื่องการศึกษาปฏิบัติ เพื่อทำตนให้หลุดพ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน เป็นการช่วยตนเองด้วยการปฏิบัติธรรมะ ไม่ใช่เอาสิ่งอื่นเข้ามาช่วยตน เพื่อให้ตนพ้นไปจากเรื่องอะไร ๆ ต่าง ๆ ดังที่เราปฏิบัติกันอยู่ทั่ว ๆ ไป

    เดี๋ยวนี้พุทธบริษัทเราไม่เข้าใจชัดในเรื่องวัตถุนี้ จึงได้เข้าไปนับถือในรูปขลังรูปศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ นานา แม้ว่าการนับถือนั้นจะช่วยทำให้ตนสบายใจ แต่เป็นความสบายใจเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่เป็นความสบายใจที่เด็ดขาดตายตัว ไม่เหมือนกับเอาธรรมะมาใช้แก้ปัญหา แต่ว่าที่ได้กระทำกันอยู่ทั่ว ๆ ไปนั้น ก็เพราะว่าไม่เข้าใจในเรื่องนั้นตามความเป็นจริง ไม่มีใครพูดให้เราฟังว่าความจริงนั้นควรจะเป็นอย่างไร เราเชื่อและทำกันมาตามที่เขาว่า เขาว่า ว่าอย่างนั้น ว่าอย่างนี้ รับมาตั้งแต่เป็นเด็ก เช่นรับนับถือมาว่าพระพุทธรูปองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นอย่างนี้ ในรูปต่าง ๆ เล่าถึงอภินิหารแปลก ๆ ซึ่งคนโบราณเขามีความเข้าใจอย่างนั้น แล้วก็ถือตามกันมา ในรูปอย่างนั้น ไม่ได้เข้าถึงพระพุทธเจ้าที่เป็นเนื้อแท้ แต่ไปถึงสิ่งที่เป็นวัตถุจนมีคำพูดกันขึ้นในสมัยนี้ว่า วัตถุมงคล

    วัตถุมงคลนั้นไม่มี ในมงคล ๓๘ ของพระพุทธเจ้า ไม่มีสิ่งอะไรที่เป็นวัตถุว่าเป็นมงคล มีแต่เรื่องการไม่ปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่เป็นอัปมงคลและมีเรื่องการปฏิบัติตามหลักธรรมเท่านั้นที่ชื่อว่าเป็นมงคล ไม่มีสิ่งวัตถุอันใดที่เป็นมงคลเลยตามหลักพระพุทธศาสนา เช่น เราจะถือว่าไฟไหม้นั้นเป็นมงคล อย่างนี้เป็นมงคล หรือว่าอะไร ๆ ที่เป็นมงคลตามที่เราเข้าใจกันอยู่นั้น มันเป็นมงคลภายนอกพระพุทธศาสนา ไม่ใช่มงคลตามหลักคำสอนในทางพระพุทธศานา มงคลในพระพุทธศาสนานั้น มีความหมายว่า เหตุอันจะให้เกิดความสุขความเจริญในชีวิต เพราะเหตุอันจะให้เกิดความสุขความเจริญในชีวิตของเรานั้น ย่อมเป็นเหตุภายใน ไม่ใช่เหตุภายนอก เหตุภายในก็คือการปรับปรุงจิตใจของเรา ให้เข้าทางธรรมะ ให้ได้ใช้หลักธรรมะเป็นแนวทางชีวิต จะปฏิบัติอะไรก็เรียกว่าหลักปฏิบัติตรงตามแนวทางธรรมะ นั่นแหละเป็นสิ่งอุดมมงคล เป็นมงคลสูงสุดตามหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนา

    วัตถุที่เป็นมงคลนั้น หาเป็นมงคลที่แท้จริงไม่ เป็นเรื่องหลอกตัวเราเท่านั้นเอง คือหลอกให้หลงไปให้เพลินแต่กับวัตถุนั้นชั่วครั้งชั่วคราว ตราบเท่าที่เรายังมีอวิชชา คือความไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องนั้นตามที่เป็นจริง เราก็หลงใหลเรื่อยไป มัวเมาอยู่ในสิ่งนั้นเรื่อยไปไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้น ไม่คิดช่วยตัวเองในการปฏิบัติ แต่ไปนึกว่าวัตถุเหล่านั้นจะช่วยตนให้พ้นภัย ให้พ้นจากอันตรายด้วยประการต่าง ๆ อันนี้คือความหลงผิด ไม่ตรงกับคำสอนในทางพระพุทธศาสนา และในสมัยนี้กำลังมีมากขึ้นแพร่หลายขึ้น ในการที่จะจูงคนให้เข้าไปเอาวัตถุเหล่านั้นมาเป็นที่พึ่ง ยึดมั่นถือมั่นในวัตถุนั้นว่าจะช่วยตนให้พ้นภัยอย่างนั้นอย่างนี้เป็นต้น อันนี้คือการไม่ถูกต้อง แต่ว่าทำกันอยู่มาก เพราะอะไร

    เพราะเป็นทางเจริญแห่งลาภสักการะ เป็นทางได้มาวัตถุอีกเหมือนกัน วัตถุที่ได้มานั้นก็คือเงินนั่นเอง เงินได้มาจากวัตถุก็เอาไปสร้างวัตถุต่อไป คนก็ติดในวัตถุต่อไป ไม่ได้เข้าถึงธรรมะอันเป็นตัวการปฏิบัติ ซึ่งเป็นเนื้อแท้ของพระรัตนตรัย เราก็ติดอยู่แต่เพียงวัตถุ ในสมัยนี้ควรจะได้มีการแจกเอาสิ่งที่เป็นวัตถุนั้นออกไปเสียบ้าง เพื่อจะได้เข้าถึงตัวธรรมะอันเป็นข้อปฏิบัติ จึงได้พูดกับญาติโยมทั้งหลายให้เข้าใจในความหมายของสิ่งเหล่านี้ เพื่อเราจะได้รู้จักใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็นคุณให้เป็นประโยชน์ คือใช้เพียงเพื่อเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจให้เราได้นึกถึงคุณธรรมต่อไป ไม่ใช่เอาวัตถุนั้นเป็นสรณะอย่างแท้จริง ให้ถือแต่เพียงว่าเป็นเครื่องสะกิดใจเตือนใจเท่านั้น เช่น พระพุทธรูปต่าง ๆ ที่เขาทำไว้นั้น เราก็ถือแต่เพียงว่าเป็นวัตถุเตือนใจให้เราได้นึกถึงคุณงามความดีของท่าน แล้วเราได้เอาความดีนั้นมาใส่ไว้ในใจของเรา การเอาคุณงามความดีมาใส่ไว้ในใจนั่นแหละ เรียกว่าเราสร้างพระพุทธขึ้นในใจ สร้างพระธรรมขึ้นไว้ในใจ สร้างพระอริยสงฆ์สาวกขึ้นไว้ในใจของเรา

    เมื่อเราสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นไว้ในใจของเรา ใจเราก็เป็นพระไป ใจเราก็เป็นพระ เราก็สบาย ไม่มีปัญหาคือความทุกข์ ความเดือนร้อน อันเกิดขึ้นจากความหลงผิดความเข้าใจผิดด้วยประการต่าง ๆ และเราจะไม่ถูกใครชักจูงไปในทางเสื่อมทางเสีย หรือจะหลอก จะต้มเราด้วยเรื่องอะไร ๆ ต่าง ๆ ได้ เพราะเราไม่ได้สนใจในสิ่งที่เป็นวัตถุเหล่านั้น เราสนใจในแง่ของธรรมะ เมื่อสนใจในแง่ของธรรมะ วัตถุนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีค่าอะไรมากเกินไป แต่เราถือว่าหลักธรรมคำสอน การปฏิบัติตามคำสอนนั่นแหละ เป็นสิ่งมีคุณมีค่าอย่างสูงสุดสำหรับชีวิตของเรา ถ้าเราจะถือเป็นมงคลก็หมายความว่าหลักธรรมะ หรือข้อปฏิบัตินั่นแหละเป็นมงคลสำหรับตัวเรา จะทำให้เราเกิดความสุขความเจริญด้วยประการต่างๆ ไม่ใช่เพียงวัตถุนั้นอย่างเดียว วัตถุนั้นเป็นแต่เพียงเครื่องประกอบนิดหน่อย เป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจให้เราได้คำนึงถึงข้อปฏิบัติ และเราจะได้ปฏิบัติในสิ่งนั้นต่อไปเท่านั้นเอง

    อันนี้เป็นเรื่องที่ควรจะได้เข้าใจไว้ ถ้าเราเข้าใจในรูปอย่างนี้แล้ว เราจะมีพระพุทธรูปไว้ในบ้าน ก็ไม่เป็นไร และไม่ต้องหาว่าของเก่าแก่อย่างนั้นอย่างนี้ หรือไม่จำเป็นจะต้องหาว่า ทำไมนั่นทำไมนี่ หรือไม่จำเป็นว่าจะต้องไปปลุกไปเสกให้เป็นอย่างนั้นให้เป็นอย่างนี้ ถ้าเราถือแต่เพียงว่า เป็นภาพเตือนใจให้เราได้นึกถึงพระธรรมเท่านั้นเอง เมื่อเป็นรูปที่เตือนใจได้ก็เป็นใช้ได้ เพราะเป็นเรื่องสมมุติขึ้น สมมุติว่านี่เป็นรูปแทนคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่แทนองค์พระพุทธเจ้าที่เป็นเนื้อเป็นหนัง แต่ว่าแทนพระคุณของพระองค์ท่าน เพราะว่าพระคุณนั้นเป็นนามธรรม ไม่ใช่สิ่งที่จะหยิบด้วยมือหรือว่าจะดูด้วยตาได้ แต่เป็นสิ่งที่เราจะสัมผัสได้ด้วยใจ เราจะเข้าถึงสิ่งนั้นด้วยจิตของเรา

    วัตถุนั้นเป็นแต่เพียงเครื่องกันลืมเท่านั้นเอง เป็นเครื่องเตือนใจกันลืม แต่เราได้เห็นด้วยตา แล้วเราจะได้นึกถึง ไม่หลงไม่ลืมในสิ่งเหล่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อเราจะมีพระไว้ประจำบ้าน ก็มีไว้สักรูปหนึ่ง ก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ และไม่ต้องไปเสียใจว่าฉันได้มาเป็นพระใหม่ ไม่ใช่พระรุ่นเก่า รุ่นเหล่านั้นรุ่นนี้ ไปเห็นบ้านนั้นเขามีพระยุคสุโขทัย เชียงแสน ทวารวดี แล้วเราก็อยากจะมีกับเขาบ้าง จนเป็นทุกข์เดือดร้อน บางทีก็ต้องซื้อหาด้วยราคาแพง แต่ก็ไม่ใช่ที่สร้างขึ้นในสมัยเก่าแท้ เพราะว่าคนสมัยนี้เก่งในทางเลียนแบบ เขาทำเลียนแบบของเก่าเหมือนของเก่า แล้วเอามาบอกเราว่านี่เก่า ถ้าเราเป็นผู้นับถือพระพุทธรูปถูกแบบ

     เราจะไม่สนใจในเรื่องความเก่า ไม่สนใจในเรื่องความใหม่ของวัตถุนั้น ถ้าเราสนใจแต่เพียงว่าเป็นวัตถุสำหรับเตือนใจ ให้เราได้นึกถึงพระธรรมคำสอน เป็นวัตถุเป็นเครื่องเตือนใจให้เราได้สำนึกในความเป็นพุทธบริษัท แล้วจะได้ปฏิบัติตนตามคำสอนเท่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อใครเอาอะไรมาให้เรา ถ้าเขาบอกว่านี่ของเก่านะ ราคาสูงหน่อย เราก็บอกว่าฉันไม่สนใจหรอกเรื่องเก่าเรื่องใหม่ ฉันสนใจแต่ว่าเป็นรูปพระหรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าเป็นรูปตรงตามรูปที่สมมุติกันแล้วฉันก็ใช้ได้ ไม่ว่าเก่าไม่ว่าใหม่ เรามีเท่านี้มันก็ไม่ลำบากยากเข็ญ ไม่ต้องขึ้นราคากันให้มากมาก่ายกอง