ไม่ต้องมีระบอบการปกครองถ้ามนุษย์มีธรรมะ

Share

พุทธทาส,

ธรรมะเป็นเครื่องอยู่รอด เป็นเครื่องช่วยให้รอดอยู่ได้ นี้ ขอได้ถือเป็นหลักใหญ่ตลอดกาล เป็นเรื่องที่จะต้องคิดนึก และประพฤติกระทำอยู่ตลอดกาล ตลอดชีวิต ถ้าเอามาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาสนใจกันอยู่ในเวลานี้แล้ว มันก็มีอาการที่น่าหัวเราะ เหลืออยู่อีกหลายอย่าง

ยกตัวอย่างเรื่องที่ตำตากันอยู่ในเวลานี้ คือเรื่องประชาธิปไตย เรื่องประชาธิปไตยนี้ เขาพูดกันว่า “ของประชาชน–เพื่อประชาชน–โดยประชาชน” นี้ท่านย่อมชินหูในคำเหล่านี้ฟังดูมันก็ไพเราะมาก เข้าทีมาก หรือถูกต้องมาก สำหรับคนทั่วไปที่หลงประชาธิปไตย.

ทีนี้ขอร้องให้ดูอีกนิดหนึ่งว่า ที่ว่า “ประชาชน–ประชาชน” นั้นมันประชาชนชนิดไหน ถ้าเป็นประชาชนที่ขาดธรรมะแล้ว มันก็ช่วยกันสร้างนรกขึ้นมา หรือช่วยกันทำโลกนี้ให้เป็นนรกมากกว่า. “ของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน” นั่นแหละ เพื่อเป็นโลกนรกมากกว่า หมายความว่าเมื่อประชาชนขาดธรรมะแล้ว เขาจะคิดอย่างไร จะทำอย่างไร ก็ลองคิดดู เขาจะพากันทำไปในลักษณะที่ว่าจะสร้างนรกตลอดกาล ขึ้นมาทันทีในโลกนี้ถ้าประชาชนขาดธรรมะ เพราะว่าทุกคนพร้อมใจกันทำไปตามทางที่ไม่มีธรรมะมันก็มีแต่ความไม่เป็นธรรม ความไม่จริง ความไม่ถูกต้อง ตามประสาของคนที่ขาดธรรมะ

ต่อเมื่อมีธรรมะต่างหาก “ของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน” นี้ จะน่าดู หรือน่าฟัง ฉะนั้นมันใช้ไม่ได้กับประชาชนที่ขาดธรรมะ หรือโลกที่ขาดธรรมะ เป็นคำพูดที่น่าขันมากกว่า

“ของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน” นี้ เพื่อจะทำให้เป็นนรกตลอดกาล ขึ้นมาโดยเร็ว ถ้ามันขาดธรรมะ ถ้ามีธรรมะ มันจึงจะจริงตามนั้น; แต่ถ้ามีธรรมะแล้วมันไม่ต้องเพื่อประชาชน โดยประชาชน ก็ได้ ใครคนใดคนหนึ่ง เป็นเผด็จการนั่นแหละ จะยังดีกว่าเสียอีก เพราะมันไม่ยืดยาดเหมือนกับเพื่อประชาชน โดยประชาชน; เพราะไม่รู้ว่าจะลากไปทางโน้นที ลากไปทางนี้ที ไม่มีวันยุติที่ถูกต้อง. ถ้าประกอบด้วยธรรมะแล้ว บุคคลเพียงคนเดียว เผด็จการเสียดีกว่า เพราะผู้ที่ประกอบด้วยธรรมะแล้ว มีแต่จะทำไปในทางที่ถูกต้องและเร็วกว่า. ฉะนั้น จะปกครองด้วยลัทธิการปกครองระบอบไหนได้ทั้งนั้นและใช้ได้ทั้งนั้น ดีทั้งนั้น ถ้าว่าคนประกอบไปด้วยธรรม

ด้วยเหตุนี้ เรายังมองไม่เห็น ว่ามันจะเป็นประชาธิปไตยที่มีประโยชน์ได้อย่างไร ถ้าคนมันขาดธรรม และหน่วยของโลก สมาชิกของโลก คือบุคคลแต่ละคนนี้ ถ้ามันขาดธรรมะ กำลังไม่มีศีลธรรม กำลังหมุนไปตามวัตถุนิยมอย่างนี้ มันก็เป็นประชาธิปไตยของคนที่เป็นวัตถุนิยม เมาวัตถุจมวัตถุ สร้างความเห็นแก่ตัว เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง จนมองกันไม่ออก. ถ้ามีธรรมอย่างเดียว การปกครองชนิดไหนก็ใช้ได้ นี่เราไม่ได้จะตำหนิใคร ว่าร้ายใคร พูดตามความเป็นจริงแก่ท่านทั้งหลาย ที่กำลังศึกษาอยู่นี้ ซึ่งจะต้องรู้เรื่องจริง ความจริง เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “ธรรม”.   ขอให้มองกันในแง่นี้ ว่าถ้าประกอบไปด้วยธรรมะแล้ว การปกครองระบอบไหน แม้แต่เผด็จการ ก็ยังใช้ได้ดีที่สุดอยู่นั่นเอง

ทีนี้ ยิ่งไปกว่านั้น และยิ่งไปกว่าจริง ๆ ถ้ามนุษย์ประกอบไปด้วยธรรมะแล้ว ไม่ต้องมีระบอบการปกครองเลย ไม่ต้องมีผู้ปกครอง ไม่ต้องมีระบอบการปกครอง มันจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น. ถ้ามนุษย์ทุกคนมีธรรมะประกอบไปด้วยธรรมะแล้ว ไม่ต้องมีใครเป็นผู้ปกครอง หรือมีระบอบการปกครอง ฉะนั้นขอให้พิจารณาดูความประเสริฐสูงสุด ความมีค่าอันแท้จริงของสิ่งที่เรียกว่า “ธรรม–ธรรม” นี้ เพราะมันไม่ประกอบด้วยธรรมต่างหากจึงต้องการผู้ปกครอง หรือระบอบการปกครอง

ลองไปอ่านเรื่องเก่า ๆ บรมโบราณดู ที่เรียกว่าพระเจ้าสมมติราช เกิดขึ้นอย่างไร.   หนังสือกฎหมายเก่า ๆ สมัยสมุดข่อย ที่บานแผนกของมัน จะเอ่ยด้วยเรื่องนี้ก่อน ว่าพระเจ้าสมมติราชเกิดขึ้นในโลกนี้ ด้วยลักษณะที่มนุษย์ทนไม่ไหว เพราะเริ่มขาดธรรมะ เริ่มไม่มีธรรมะ แล้วจึงสมมติบุคคลที่ฉลาด ที่เข้มแข็ง ที่ดีมีธรรมะ ให้เป็นผู้ปกครอง. ผู้ปกครอง หรือระบอบการปกครอง เกิดขึ้น เพราะมนุษย์เริ่มขาดธรรมะ. ฉะนั้น ถ้ามีธรรมะ มันก็ไม่จำเป็นจะต้องมีการปกครองหรือผู้ปกครอง มันไม่มีใครกระดุกกระดิก หรือเคลื่อนไหวไปในทางเบียดเบียนผู้อื่นเลย มันก็เป็นอยู่ได้เองโดยไม่ต้องมีผู้ปกครอง ดังกล่าว

นี่แหละ เรากำลังเห่อประชาธิปไตย นิยมกันว่า “ของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน” กันไปทั่วทุกหัวระแหง แต่แล้วอย่าลืมว่ามันขาดธรรมะไม่ได้; ขาดธรรมะแล้ว การปกครองระบอบไหน ก็เป็นไปไม่ได้.  นี่ทำให้เห็นได้ว่า สิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” นั้น คือ ผู้ปกครองที่แท้จริง คือสิ่งที่มีอำนาจในการปกครองที่แท้จริง จะต้องบูชาธรรมกัน ต้องเคารพธรรมกัน เพราะธรรม เป็นสิ่งสูงสุด จนถึงกับพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ก็เคารพ. ถ้าท่านไม่เคยได้ยินได้ฟัง ก็จงได้ยินได้ฟังเสียทีนี่ และเดี๋ยวนี้ ว่าพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ เคารพธรรม คือความข้อนี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอง ว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่มีมาแล้วแต่อดีตก็ดี ที่จะมีมาในอนาคตก็ดี และรวมทั้งในปัจจุบันนี้ก็ดี ทุก ๆ พระองค์ เคารพธรรม  ฉะนั้นความสูงสุดจะมีมากน้อยเท่าไร ก็ลองคำนวณดู แล้วเรามนุษย์ธรรมดานี้จะเคารพอะไร ถ้าไม่เคารพธรรม

พุทธทาสภิกขุ

ที่มา: คำบรรยาย หลักพระพุทธศาสนา ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2512

เรื่อง ลักษณะและคุณค่าอันเร้นลับ ของธรรม

บรรยายอบรมผู้ที่จะเป็นผู้พิพากษา

ณ ห้องประชุม ของกระทรวงยุติธรรม

26 มกราคม 2512