ร้อนขนาดนี้ ยังมีคนสมัครใจอยู่

Share

พุทธทาส,

".....ลูกหนูตัวเล็กตัวหนึ่งมันมาบอกแม่ของมันว่า สัตว์ตัวหนึ่งมันน่าเกลียดน่าชังหน้าตาดุร้ายไม่กล้ามอง อีกสัตว์ตัวหนึ่งน่ารักน่าคบหาสมาคมเป็นเพื่อน สัตว์ที่ลูกหนูบอกแม่ว่าน่าเกลียดน่ากลัวที่สุดนั้นคือไก่ ไก่ที่มีหงอน  ส่วนที่ลูกหนูบอกแม่ของมันว่าน่ารักที่สุดนั้นคือแมว เพราะแมวมันสวยมันน่ารัก นี่ลูกหนูมันมีความคิดอย่างนี้ มีความสำคัญอยู่ที่ว่ามันหลงกลับกัน เห็นยักษ์ร้ายเป็นสิ่งที่น่ารัก เห็นสิ่งที่ไม่มีอันตรายว่าเป็นยักษ์ร้าย  คนเราในโลกนี้ก็จะเป็นเสียอย่างนี้ ไปหลงพอใจในรสอร่อยของวัตถุซึ่งมันจะกัดกินถึงหัวใจ ส่วนรสอร่อยของธรรมะทางจิตใจนั้น กลับเกลียด กลับกลัว  นี่กลัวธรรมะ กลัวนิพพานเป็นต้น คนเหล่านี้ก็เหมือนกับลูกหนูตัวนั้น ไม่รู้จักว่าอะไรเป็นยักษ์ร้าย อะไรที่จะไม่มีอันตราย

    ขอให้แยกแยะกันดูให้ดีๆ ว่าวัตถุนิยมสวยงามน่ารัก ยั่วยวนชวนใจ แต่มันก็มีลักษณะเหมือนกับว่าแมว เมื่อพยายามจะเกี่ยวข้องกับหนู ส่วนความสุขทางจิตใจหรือทางธรรมนิยมนั่นน่ะ กลับเห็นเป็นของน่าเบื่อหน่าย มนุษย์เห็นเป็นของน่าเบื่อหน่าย น่าเกลียดน่ากลัวไปเสีย  บางคนก็พูดออกมาตรงๆ ว่าเกลียดความสงบ คือไม่สนุกสนาน ไม่ได้กระโดดโลดเต้น ไม่ชอบ  นี่วัตถุนิยม มันมีอะไรอย่างนี้ มันมีความยั่วยวน มีลักษณะอาการที่จะแสดงออกมาอย่างยั่วยวน แล้วมันก็มีรสอร่อย ตรงกับความรู้สึกของคนปุถุชนทั่วๆไป

    วัตถุนิยม มันมีอะไรอย่างนี้ มันมีความยั่วยวน มีลักษณะอาการที่จะแสดงออกมาอย่างยั่วยวน แล้วมันก็มีรสอร่อย...คนก็หลงวัตถุ ก็ซื้อหาวัตถุ ชนิดที่ไม่จำเป็น ที่ไม่จำเป็น เอามาไว้เต็มบ้านเต็มเรือน ที่เกินความต้องการ อุตส่าห์กู้หนี้ยืมสินไปซื้อหาอุปกรณ์แห่งวัตถุนิยมนี่มา ให้มีความเอร็ดอร่อยทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางผิวกาย  มันจะกัดกินมนุษย์ให้สิ้น สูญสิ้นความเป็นมนุษย์ มันจะไม่มีจิตใจอย่างมนุษย์ คือไม่ ไม่มีความสะอาด สว่าง สงบ เสียเลย 

     บูชาความเอร็ดอร่อยทางวัตถุ คือทางเนื้อทางหนังอย่างยิ่ง อย่างสูงสุดเหมือนกับว่าเป็นพระเจ้า ดูคนที่เล่าเรียนศึกษา มีความมุ่งหวังว่าจะมีรายได้สูง และก็ไปซื้อหาวัตถุที่บำรุงบำเรอความรู้สึกทางอายตนะนี้ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป แล้วก็ยั่วยวนแก่กันและกัน ประกวดประชันกันและกันให้ยิ่งๆ ขึ้นไป  จนเงินเดือนไม่พอใช้ จนกระทั่งต้องคดโกง ต้องทำคอร์รัปชั่นหลายอย่างหลายประการหลายๆ วิธี  มันก็เต็มไปด้วยคอร์รัปชั่นในโลกนี้ ก็หาความสงบสุขไม่ได้ นี่วัตถุนิยมเป็นยักษ์ร้ายถึงกับทำลายโลกได้  ชนิดที่สมัครใจ  คือมนุษย์สมัครจะวินาศด้วยความสมัครใจเพราะหลงเสน่ห์อย่างยิ่งของสิ่งที่เรียกว่าวัตถุนิยม

การเจริญด้วยวัตถุนี่มันได้อะไรและมันเสียอะไร?

     มันได้ความเพลิดเพลินอันหลอกลวงอย่างยิ่งมา แต่มันสูญเสียความสงบสุขอันแท้จริงไป มันแลกเปลี่ยนกันอย่างนี้ ฉะนั้นโลกนี้มันก็ต้องร้อน ต้องระอุ ต้องร้อนและต้องลุกเป็นไฟ ไม่เป็นไฟอย่างไฟไหม้กระดาษอย่างนี้ แต่มันเป็นไฟที่ไหม้จิตใจให้ลึกซึ้งอยู่ภายในเป็นไฟทางจิตทางวิญญาณ  นี่ดู ดูอำนาจของสิ่งที่เรียกว่าวัตถุ มันจุดไฟให้เกิดขึ้นในจิตในวิญญาณแล้วก็ร้อนระอุ

     เมื่อหลงใหลทางวัตถุแล้วก็เห็นแก่ตน ซึ่งหมายถึงการเห็นแก่กิเลสของตน มันเป็นการให้เหยื่อแก่กิเลส ไม่ได้ให้เหยื่อแก่จิตใจที่บริสุทธิ์ จิตใจที่บริสุทธิ์นั้นไม่ต้องการกินเหยื่อหรอก ต้องการปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ ตามสมควรก็อยู่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสมันก็ต้องการเหยื่อๆ เหยื่อๆ และก็ยิ่งๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป ฉะนั้น ความเอร็ดอร่อยทางวัตถุนั้นมันไปหล่อเลี้ยงกิเลส ไม่ใช่ไปหล่อเลี้ยงจิตใจ

ที่มา - แสดงธรรมล้ออายุ ปี 2529 ครั้ง 3 ให้ออกเสียซึ่งวัตถุนิยม