พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ "หนีโลก: แต่ให้ "เหนือโลก"

Share

"ตั้งแต่เด็ก ๆ ก่อนผมบวชก็เคยได้ยินคำกล่าวทำนองคำพังเพยล้อเลียนว่า บวชลี้ บวชลอง บวชครองเวณี บวชหนีสงสาร บวชผลาญเข้าสุก บวชสนุกตามเพื่อน เป็นคำกลอนที่คล้องจอง หกบวช ทางภาคอื่นจะมีหรือไม่ก็สุดแท้ แต่ว่าที่นี่มันมีแน่ ผมได้ยินมาตั้งแต่ก่อนผมบวช

บวชลี้ คือหนีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นเรื่องโลก ๆ หนีความลำบาก หนีไอ้ทหาร หรือว่าหนีไอ้ความบีบคั้นของบุคคลบางคน หรือว่าเขาจะเอาให้ตายนี้ก็หนีไปบวชเสีย นี่เรียกว่าบวชลี้ คือหลบลี้หนีภัยไปบวช

บวชลอง ก็หมายความว่ามันลองบวช นี่คิดดูให้ดี มันลองบวช มันไม่รู้ว่าบวชนี้เป็นอะไรมันก็ลองดู

บวชครองเวณี นั้นคือบวชตามประเพณี อายุครบบวชก็ต้องบวช มันก็บวชเข้าไปอย่างละเมอ ๆ เสียมากกว่าอย่างอื่น

บวชหนีสงสาร นี่ไม่ใช่ความหมายตามทางที่ถูกต้องตามหลักธรรม ที่จริงบวชหนีสงสารนะถูกต้องอยู่มาก แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้หมายความอย่างนั้น คือมันบวชหนีความลำบาก

คำว่า "สงสาร" ในที่นี้เป็นภาษาชาวบ้านหมายถึงลำบาก ทีนี้มันบวชเพื่อจะหนีความลำบากเหล่านั้น เช่น มันยากจน อยู่เป็นฆราวาสมันลำบาก มาบวชแล้วมันสะดวกสบาย มันก็หนีความลำบากนั้นแหละเรียกว่าหนีสงสาร และถึงแม้ว่าคำว่า "สงสาร" จะหมายถึงความทุกข์ทั่วๆ ไปตามความหมายคำว่า "สังสารวัฏ" ก็ยังไม่ถูกอยู่นั่นแหละ บวชหนีสงสารนี้ก็ไม่ถูกหรอก ไม่ถูกแท้ เพราะ #ความมุ่งหมายของการบวชที่ถูกต้องนั้นไม่ต้องการให้หนีทุกข์ ต้องการให้ชนะทุกข์

ฉะนั้นต้องพูดว่าบวชเพื่อเอาชนะสงสารน่ะจึงถูกต้อง บวชที่ดีที่แท้ต้องบวชเพื่อมีชนะแก่ วัฏฏสงสาร คือ หักหรือทำลายวัฏฏสงสารเสียได้ อย่างนี้ไม่ใช่หนีสงสาร หนีสงสารนั้นคือคนขลาด คนโง่ คนขี้แพ้ 
พุทธศาสนาไม่ได้มีไว้เพื่อสอนให้คนแพ้หรือหนีโลก แต่มีไว้เพื่อให้คนอยู่ในโลกนี้แหละแต่อยู่ด้วยชัยชนะ ฉะนั้น ธรรมะทั้งหมดเพื่อให้คนชนะโลก ไม่ใช่ให้หนีโลก  พราะฉะนั้นมีคนพูดอยู่ว่าบวชหนีโลก หนีอะไรเสียที นี้มันเป็นคนโง่พูด เพราะว่าการบวชที่ถูกต้องไม่ใช่หนีโลก ไม่ใช่หนีโลกแล้วไปบวชหรือบวชเพื่อหนีโลกธรรม บวชเพื่อจะหาความรู้เพื่อจะอยู่ในโลกนี้ด้วยชัยชนะ ไม่มีพ่ายแพ้แก่กิเลสหรือความทุกข์ เพราะฉะนั้นไม่หนีโลกไปไหน ชนะโลกนี้เขาเรียกว่าโลกุตระ คือ ยืนอยู่เหนือความบีบคั้นของโลก

บวชเพื่อ โลกุตระ ก็เพื่อเอาชนะโลกไม่ใช่หนีโลก หนีก็คือคนโง่ คนขี้แพ้ คนไม่มีความสามารถ พุทธศาสนาไม่ต้องการอย่างนั้น ต้องการให้มันเผชิญกันกับโลก แล้วเอาชนะโลก แล้วอยู่ในโลกด้วยชัยชนะ ฉะนั้นจึงไม่มีความถูกต้องที่จะพูดว่าบวชหนีสงสาร ความถูกต้องมันอยู่ที่ว่าบวชเพื่อชนะสงสาร ฉะนั้นการบวชหนีสงสารน่ะคือบวชหนีความลำบากส่วนตัวมันเอง ส่วนตัวคนขี้ขลาด คนพ่ายแพ้ เรียกว่าบวชหนีความลำบากในชีวิตฆราวาสด้วยความจำเป็น มาอยู่เป็นพระมันยังสบายกว่าสำหรับคนประเภทนั้น นี่บวชหนีสงสารอย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้

บวชผลาญข้าวสุก นี้ก็อธิบายอยู่ในตัวแล้ว จะไม่ต้องอธิบาย บวชแล้วไม่ทำประโยชน์อะไรให้คุ้มกัน มันเสียข้าวสุกของชาวบ้านไปวัน ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง นี้เขาเรียกบวชผลาญข้าวสุก

อันสุดท้ายก็คือ บวชสนุก ตามเพื่อน เห็นเพื่อนบวชกันเราก็บวช เฮ ๆ ตามเขาไป หรือว่าเพื่อนรักใคร่กันบวช เราก็บวชตามเขาด้วยเพราะความรักเพื่อน"

ส่วนหนึ่งของ โอวาทลาสิกขาบท แก่พระนวกะวัดชลฯ ปี 2513 ครั้งที่ 1 เรื่องเราจะอยู่ในโลกอันแสนยุ่งยากขึ้นทุกทีได้อย่างไร