เสรีภาพในการเชื่อพุทธศาสนา ศรัทธา งมงาย หรือ ปัญญา

Share

พุทธทาส,

ประชาธิปไตยในทางความคิดความเห็นสูงสุดอยู่ที่พระพุทธศาสนา ไม่มีศาสนาใดสูงสุด ศาสนาอื่นบางศาสนาบังคับให้เชื่อไม่ให้เสรีภาพเลย แต่พระพุทธศาสนานี่เสรีภาพเกิน เกิน 200%  1000% แม้แต่ว่าผู้พูดเป็นครูของเราก็ยังไม่เชื่อ

ขอให้อ่านกาลามสูตรๆ 10 ข้อที่ได้แปลแจกแพร่หลายอยู่ในเวลานี้ มา สมโณ โน ครูติ อย่าถืออย่าเชื่อสมณะผู้พูดเป็นครูของเรา ก็คือพระพุทธเจ้านั่นเอง เป็นครูของเรา พระพุทธเจ้าให้เสรีภาพขนาดไม่ต้องเชื่อพระองค์ แต่ขอให้เอาไปคิดไปนึกตามที่พูดว่าจริงไม่จริง มันจะดับทุกข์ได้หรือไม่ ถ้ามันจะดับทุกข์ได้ก็จำ เอาไปปฏิบัติ พอปฏิบัติแล้วมันดับทุกได้ก็เชื่อๆๆ  

ศาสนาพุทธก็มีเชื่อ ศาสนาอื่นก็มีเชื่อ แต่มันต่างกัน เค้ามันเชื่อก่อนปัญญา ไอ้เราเชื่อทีหลังปัญญา พอมีปัญญาแล้วเชื่อหมด ที่แรกได้ฟังทางหูก็เชื่อแต่เพียงผิวๆ อย่างไรก็ไม่เชื่อโดยใจความโดยแท้จริง ต้องเอาไปใคร่ครวญด้วยปัญญาเห็นแจ้งว่ามันดับทุกข์ได้จริง จึงเชื่อ จึงเรียกว่าเรามีความเชื่อหลังปัญญา ไม่บังคับไม่ผูกขาดให้เชื่อ

ศาสนาบางศาสนาไม่ได้ต้องปฏิญาณ ต้องสาบาน ว่าต้องเชื่อตามนี้ต้องถือตามนี้จะบังคับให้เชื่อ สอนว่ารอดด้วยความเชื่อ แต่เราไม่ได้สอนให้รอดด้วยความเชื่อ รอดด้วยปัญญา รอดด้วยสัมมาทิฏฐิ ความเชื่อนี่มันต้องมีแต่ขอให้เป็นความเชื่อที่มาทีหลังปัญญา ความเชื่อเป็นเงื่อนงำสำหรับนำมาคิดมานึก เผื่อจะเชื่อ ไม่เชื่อ แต่ว่าเผื่อจะเชื่อ พิสูจน์ ทดลอง มีประโยชน์จึงค่อยลองๆๆ ได้ผลดีแล้วค่อยเชื่อ

กาลามสูตรทั้ง 10 ประการ ผมเปิดเผยขึ้น มีคนด่าว่าเอามาทำให้ยุ่งยากให้ลำบาก ทำให้คนไม่เชื่อ ลูกศิษย์ไม่เชื่อครูอาจารย์ บุตรไม่เชื่อบิดามารดา ไม่ใช่แบบนั้นเข้าใจผิด กาลามสูตรไม่ได้สอนแบบนั้น สอนว่าไม่ต้องเชื่อทันที เอามาใคร่ครวญรู้ด้วยสติปัญญาของตนเห็นว่ามันเป็นไปได้จึงค่อยลองดูแล้วค่อยเชื่อ เรียกว่าเชื่อตัวเอง ฟังผู้อื่นมาแต่มาเชื่อตัวเอง ในการศึกษาค้นคว้าทดลองปฏิบัติดู

อย่าเชื่องมงาย ขอให้เชื่ออย่างลืมหูลืมตามีสติปัญญา ก็จะเป็นพุทธบริษัทผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ใช่หลับตาเชื่อด้วยความงมงาย

พุทธทาสภิกขุ

ที่มา - ให้โอวาทแก่พระที่มาทำวัตร ที่สวนโมกข์และอื่นๆ