มีคนเคยถามหลวงพ่อคำเขียนว่าท่านทำงานมาเยอะ ท่านคิดว่างานท่านสำเร็จไหม หลวงพ่อบอกว่างานของอาตมานี่ล้มเหลวทั้งนั้นเลย แต่งานล้มเหลว ตัวอาตมาไม่ล้มเหลว
คนที่จะพูดอย่างนี้ได้ต้องมีการปฏิบัติจนกระทั่งไม่ไปยึดว่างานเป็นกูเป็นของกู แม้ว่างานนั้นมันจะดีประเสริฐอย่างไร มีเจตนาที่ดีงามสูงส่งแค่ไหน แต่ถ้าไปยึดว่าเป็นงานของกู หรือยึดงานนั้นว่าเป็นตัวกู ถึงเวลาที่งานนั้นมันล้มเหลว ก็ จะเป็นทุกข์มาก เพราะว่ากูล้มเหลวไปด้วย แต่ถ้าหากว่าไม่ยึดมั่นถือมั่นในงานนั้นว่าเป็นงานของกู งานล้มเหลวใจก็ไม่ทุกข์ มันทำให้มีกำลังที่จะทำงานต่อไป
คนเรานี่ไม่ค่อยรู้ทันว่าความยึดมั่นในตัวกูของกู มันก่อทุกข์ให้กับเราแค่ไหน โดยเฉพาะเวลาทำงาน หรือเวลากับผู้คน อย่างพ่อแม่มีลูก ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้ทัน ไปยึดว่าลูกของกูๆ เพราะฉะนั้นก็ไปพยายาม บังคับบัญชาให้ลูกเป็นไปดั่งใจนึก เป็นไปดั่งใจปรารถนา เพราะว่าไปคิดว่าเป็นของกู แต่ลูกไม่ใช่ของกูอยู่แล้ว ก็ย่อมไม่เป็นไปดั่งใจปรารถนาของพ่อแม่ พอเป็นเช่นนั้นก็ทุกข์ ทุกข์เพราะยึดว่าลูกเป็นของกู หรือทุกข์เพราะอยากให้ลูกเป็นไปตามความปรารถนาของกู
การที่ทำอย่างนั้น ถ้าไม่รู้ตัวก็จะคิดว่าทำเพื่อลูก แต่ที่จริงแล้วทำเพื่อตัวเอง เอาความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้ง
คนที่ทำงานเพื่อส่วนรวม ถ้าไม่ระวังก็จะลงเอยแบบนั้นเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเปลี่ยนจากลูกของกูไปเป็นงานของกู หรือว่าเป็นหน่วยงานของกู บางทีเป็นประเทศของกูไปเลย แล้วพอยึดว่าเป็นของกูแล้ว ธรรมดาก็ปรารถนาจะบงการให้มันเป็นไปดั่งใจตน การที่พยายามทำให้ทุกอย่างเป็นไปดั่ง ปรารถนาของเรา ถ้ามองลึกๆ ก็คือการทำเพื่อตัวเองนั่นแหละ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจตน มันเป็นการเอาตนเป็นศูนย์กลาง ที่ให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเอง
ฉะนั้น ถ้าเกิดว่าเราภาวนาจนกระทั่งรู้ทันอำนาจของกิเลส อัตตา ไม่ปล่อยให้มันเข้ามาครอบครองใจ สามารถที่จะคลายความยึดมั่นในตัวกูของกูได้ ถึงเวลางานล้มเหลว ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวตามไปด้วย แล้วถึงเวลาสำเร็จ ก็ไม่ได้เกิดความหลงใหลเพลิดเพลิน ปลาบปลื้มยินดี เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เป็นเพราะเราคนเดียว มันเป็นเพราะเหตุปัจจัยต่างๆ มากมาย
แล้วคนที่ภาวนามากๆ จะเห็นเลยว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย แม้แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้น มันก็เพราะเหตุกับปัจจัยต่างๆ มากมาย มันจะเกิดสิ่งที่ท่านอาจารย์พุทธทาสเรียกว่า ยกผลงานให้เป็นของความว่าง หรือเวลาทำอะไร แม้จะทำด้วยความวิริยะอุตสาหะ แต่ก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นในผลสำเร็จ สำเร็จก็ดีไป ไม่สำเร็จก็ไม่ทุกข์ เพราะรู้ว่ามันไม่ได้อยู่ในอำนาจของเรา
อย่างภาษิตจีนว่า ความพยายามเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จเป็นของฟ้า ถ้าพูดแบบพุทธก็คือว่า ความพยายามเป็นของมนุษย์ แต่ว่าความสำเร็จเป็นเรื่องเหตุปัจจัย
ฉะนั้น ถ้าเกิดว่าเรานำเอาการปฏิบัติธรรมมาใช้กับการทำงาน เราก็จะทำงานได้ด้วยใจที่ทุกข์น้อย แม้ว่าจะเพียรพยายามเต็มที่ก็ตาม มันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ทำเต็มที่แต่ไม่ซีเรียส
พระไพศาล วิสาโล