พ่อแม่เป็นมิจฉาทิฐิแล้วยากแหละที่จะลูกเป็นสัมมาทิฐิได้ จึงขอให้แม่สนใจ ให้เป็นสัมมาทิฐิ ให้เดินให้ถูกต้องเสียก่อน แล้วมันจะง่ายแหละในการที่ทำให้ลูกเป็นสัมมาทิฐิตาม
พ่อแม่เป็นครู
แม่นั้นมัน มันไม่ใช่ว่าเพียงแต่ว่าเกิดลูกมา เกิดลูกมาแล้วก็เป็นแม่นี่ ไอ้ หมู หมา กา ไก่ก็เป็นแม่ได้ถ้าเพียงเท่านี้นะ ถ้าเพียงเกิดออกมาแล้วเป็นแม่นี่ หมู หมา กา ไก่ ก็เป็นแม่ได้ แต่แม่ในภาษาบาลีที่พระพุทธเจ้าสอนไว้นั้นน่ะ ว่าแม่นี่ รวมทั้งพ่อด้วยก็ได้ เป็นครูคนแรกของลูกนะ ไม่ใช่ว่าเกิดเสร็จแล้วเลิกกัน ไม่ใช่ ครูกับแม่นี้จะต้องเป็นครูคนแรก สอนอะไรคนแรกแก่ลูกนะ แล้วเป็นพรหม แม่ พ่อนี่เป็นพระพรหมของลูก ไม่ใช่แค่ว่าเกิดมาเฉยๆ เป็นเทวดาประจำบ้านเรือนของลูก และในที่สุดเป็นอาคุณนัยบุคคล(นาทีที่ ๔.๓๑ ไม่แน่ใจ) คือเป็นพระอรหันต์ประจำบ้านเรือน
นี่แหละเป็นครูคนแรกของลูก เป็นพระพรหมของลูก
และเป็นเทวดาประจำบ้านเรือน และเป็นพระอรหันต์ประจำบ้านเรือน
นี่แหละจึงว่า แม่นี้ ไม่ใช่แค่ว่าเกิดลูกแล้วก็เป็นแม่ มันยังต้องเป็นอีก
๔-๕ อย่างนี้แหละจึงจะเป็นแม่ที่สมบูรณ์ ฉะนั้นเราอย่า อย่าไม่รู้ไม่ชี้นะ
เกิดมาแล้ว แล้วกัน ใหญ่เอง อันนี้มันก็เป็นเหมือนกับสัตว์
มันก็เกิดมาเป็นแม่แล้วลูกมันใหญ่เอง แต่ถ้าลูกของคน
คนจะต้องสอนให้ลูกนั่นแหละมันคือลูกของมนุษย์
ให้มันรู้อะไรต่ออะไรที่ควรจะรู้
พ่อแม่เป็นอาจารย์คนแรก คิดดูสิ มัน มันสอนมาตั้งแต่แรกเกิด
พอลืมตาก็เห็นแม่เห็นพ่อ เอาอย่างแม่ เอาอย่างพ่อ
แล้วแม่พ่อก็สอนตั้งแต่ว่าให้กินนมอย่างไร ให้ขี้เยี่ยวอย่างไร
จนกระทั่งว่าให้ลุกขึ้น ยืน เดินได้อย่างไร นี้ก็สอนให้รู้ว่า
อย่างนั้นสกปรก อย่างนี้สะอาด อย่างนี้อันตราย อย่างนี้ไม่อันตราย
ให้สอนตั้งแต่แรก แรกคลอดทีเดียวนี่ เป็นอาจารย์คนแรกที่สุด
ถ้าสอนดีแล้วลูกมันก็ดี สอนไม่ดีลูกมันก็ไม่ดี
ครูที่โรงเรียนนี้มันสอนทีหลังนะ อายุ ๖ ปี ๘ ปีแล้วจึงมาอยู่โรงเรียน
ก่อนนั้น แม่นั่นแหละสอน
ฉะนั้นแม่ทำให้ดีเถอะ ทำตัวอย่างให้ดีเถอะ
แม่พูดจาดีๆ ลูกมันจะเป็นคนพูดจาดีๆ
แม่มันนุ่งห่มแต่งตัวให้เรียบร้อย ลูกมันจะเรียบร้อย
แม่กิริยามารยาทดี อย่าพูดหยาบอย่าอะไร ลูกมันก็จะมีกิริยามารยาทดี
พ่อแม่มันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่รักเพื่อนบ้านดี ลูกก็รักเพื่อนบ้านดี
พ่อแม่มันกลัวบาป ไอ้ลูกมันก็กลัวบาป
ถ้าพ่อแม่มันไม่กลัวบาป เป็นอันธพาล ลูกมันก็เป็นอันธพาลแหละ ไม่ต้องสงสัย
ฉะนั้นขอให้แม่และพ่อด้วยแหละสนใจจะเป็นอาจารย์ที่ดีคนแรกของลูก
พ่อแม่เป็นพรหม
เป็นพระพรหมของลูกนะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาต่อลูก
เมตตาคือรักลูก แต่ว่ารักให้ รักให้มากกว่าหมามันรักลูก คนรักลูกนี่รัก
รักให้มากกว่าหมามันรักลูก หมามันก็รักลูกเป็นแต่ไม่ถึงขนาด
ไอ้คนรักลูกต้องรักมากกว่านั้น ต้องทำดีกว่านั้น คือ รักชนิดที่ไม่ทำให้เสียและไม่ใช่ที่เรียกว่าปล่อยตามบุญตามกรรม
เมตตาคือความรัก
กรุณาคือสงสาร ช่วย
มุทิตาคือสบายใจเมื่อลูกมันสบาย
อุเบกขาน่ะ เมื่อมันช่วยอะไรไม่ได้ก็คอยจ้องอยู่เรื่อย คอยจ้องจะช่วยอยู่เรื่อย ไม่ใช่ว่าไม่รู้ไม่ชี้
อุเบกขาน่ะไม่ใช่ไม่รู้ไม่ชี้นะ อุเบกขาน่ะคือคอยดูอยู่นั่นแหละ
คอยดูอยู่นั่นแหละ คอยดูเฉยๆอยู่ก็จริงแต่มันคิดอยู่ว่าจะช่วยกันอย่างไร
จะทำอย่างไร อุเบกขาน่ะไม่ใช่ว่าเฉยตลอดไป ไม่ใช่ มันคอยดู เพ่งดู เพ่งดู
เพ่งดูอยู่ เมื่อไรจะมีโอกาสที่จะช่วยได้ ก็ช่วยอีกแหละ
พ่อแม่มีกรุณา เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จึงเป็นพระพรหมของลูก
มีบุญคุณเหนือลูก เหมือนกับพระพรหมที่เราเรียกกัน (นาทีที่๘.๓๗-๘.๔๘
เสียงหาย)
พ่อแม่เป็นเทวดา พระอรหันต์
เป็นเทวดา พ่อแม่เป็นเทวดาของลูก เทวดาประจำบ้านเรือน เราจะต้องการอะไร ต้องการ ไอ้ลูกมันจะต้องการอะไร วันไหนก็ เทวดามันจะบันดาลให้ เป็นผู้ที่ให้ความสุข (นาทีที่๙.๐๙-๙.๕๘ ไม่มีเสียง) (มันขลุกขลักทุกวัน ทุกคราวๆเลย) พ่อแม่เป็นเทวดา ที่เขาเรียกว่าเทวดาที่ว่าจริงน่ะ เทวดาบนต้นไม้ เทวดาบนฟ้า เทวดาประจำบ้านอะไรก็ พ่อแม่เป็นกว่า เป็น กว่าเทวดาชนิดไหนหมด ถ้าจะไหว้เทวดาก็ไม่ต้องไปไหว้ที่ไหน ก็ไหว้พ่อแม่ จะช่วยให้เกิดความเจริญ แม่หรือพ่อเป็นพระอรหันต์นะ ให้เกิดบุญ พระอรหันต์น่ะให้เกิดบุญ เมื่อจะต้องการบุญล่ะ ก็จัดเอาไปจากพ่อแม่แหละ ประพฤติความดีที่พ่อแม่ พ่อแม่จะเป็นพระอรหันต์ของลูก ให้เกิดบุญ ให้เกิดกุศล ให้เกิดทางจิตใจยิ่งๆขึ้นไป นี่แหละฟังดูให้ดี นี้แหละไม่ใช่ว่าเป็นแม่เพราะเกิดลูกมา ไม่ใช่ (นาทีที่ ๑๑.๐๖-๑๑.๔๕ ไม่มีเสียง)...แล้วไม่ทำหน้าที่ ลูกเป็นลิงเป็นค่าง อันธพาล เป็นอะไรต่ออะไรวินาศไปแล้วก็มี ให้แล้วไปเถอะ แต่ต่อไปนี่ขอให้ตั้งต้นกันใหม่เลย พ่อแม่เอาใจใส่ต่อลูกให้ดี ให้ลูกเป็นลูกของมนุษย์ ให้เป็นบุตรของมนุษย์ ดีกว่าเป็นบุตรของคนหรือเป็นบุตรของสัตว์นะ ให้เป็นบุตรของมนุษย์ มนุษย์มันมีจิตใจสูง ขอให้ลูกของเราเป็นลูกของมนุษย์ นี้แหละเลี้ยงลูกให้ดีนี่ เป็นบุญสูงสุดของพ่อแม่แหละ ว่าถ้าเลี้ยงลูกไม่ดีลูกเป็นอันธพาลก็จะเป็นบาปกันทั้งหมดเลย ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งลูก ทั้งหลาน ทั้งวงศ์ตระกูลนะ เลี้ยงลูกมาไม่ดีเป็นบาปกันหมดเลย ถ้าเลี้ยงได้ดีก็เป็นบุญกันหมดเลย
แม่คือผู้สร้างโลก
เด็กๆ นั้นแหละคือผู้สร้างโลก เด็กๆวันนี้คือผู้สร้างโลกต่อไป
โลกต่อไปจะเป็นอย่างไรมันก็แล้วแต่เด็กๆเวลานี้ มันเล่าเรียนดีหรือไม่ดี
เป็นเด็กที่ดีหรือไม่ดี ถ้ามันเป็นเด็กดี
โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วมันก็ให้โลกมันก็ดีนะ เพราะว่าโลกน่ะมันประกอบขึ้นด้วยมนุษย์
ถ้าทุกคนเป็นมนุษย์ก็เป็นโลกมนุษย์ ถ้าทุกคนเป็นสัตว์ก็เป็นโลกของสัตว์
ถ้าเป็นคนเลวก็เป็นโลกของคนเลว ถ้าเป็นคนดีก็มันเป็นโลกของคนดี
คนน่ะมันสร้างโลก คนนั่นแหละเป็นพระเจ้าสร้างโลก
ถ้าทุกคนดีมันก็สร้างโลกดีขึ้นมาแหละ มันจะเลวได้อย่างไร
ทุกคนในโลกมันดีแล้วมันจะเป็นโลกที่ดี
ฉะนั้นเราจึงสร้างเด็กให้เป็นเด็กที่ดี โตขึ้นก็เป็นคนที่ดี
เป็นมนุษย์ที่ดี โลกนี้ก็คือโลกที่ดี
แม่ช่วยสร้างโลกโดยทางลูก แม่สร้างลูก ลูกมันสร้างโลก
แม่สร้างลูกให้ดีๆนะแล้วไอ้ลูกมันดี เป็นคนดีไปสร้างโลกที่ดี
เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่วันหน้า มันไม่มีความหมายอะไร หมามันก็เป็น
ที่ว่าเด็กวันนี้คือผู้ใหญ่วันหน้า หมามันก็เป็น
ลูกหมาวันนี้ก็เป็นหมาใหญ่วันหน้า ไม่มีความหมายอะไร
แต่ถ้าเด็กวันนี้คือผู้สร้างโลกในวันหน้า นั่นแหละมันมีความหมาย
เพราะโลกในวันหน้าจะดีจะเลวก็อยู่ที่เด็ก ถ้าเด็กดี โตขึ้น โตขึ้น
แล้วโลกก็เต็มไปด้วยคนดี ก็เป็นโลกที่ดีมีความสงบสุข ก็ลองคิดดู
ถ้าทุกๆคนในโลกมันดี มันก็ไม่มีเรื่องร้าย ไอ้เรื่องร้ายที่มีอยู่ทุกวัน ทุกวัน ที่โลกมันแย่ก็เพราะคนมันไม่ดี ถ้าคนมันดีหมดแล้วโลกมันก็ดี ช่วยกันสร้างโลกให้ดีมันได้บุญนะ จะสร้างโลกให้ดีก็สร้างลูกนั่นแหละให้ดี ถ้าเราจะสร้างโลกให้ดีจงสร้างลูกให้ดี เพราะลูกดีแล้วโลกในอนาคตก็ดี เพราะว่าโลกประกอบอยู่ด้วยคน ทุกคนในโลกนั่นแหละก็คือโลก ถ้าทุกๆคนดีโลกมันก็ดี เอาบุญในข้อนี้กันเถอะ เป็นบุญอย่างใหญ่หลวง