ในวันเยี่ยมสวนโมกข์ ปี พ.ศ. 2534 พุทธทาสภิกขุได้ปรารภกับพระและฆราวาสที่มาในวันนั้น ให้ช่วยกันทำเรื่องสำคัญในยุคปัจจุบัน คือ การลดความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาทุกอย่างในโลก ตั้งแต่ระดับครอบครัว ไปจนถึงระดับโลก
"ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งในการที่ท่านทั้งหลาย
ทั้งฆราวาสและบรรพชิต ยอมรับนับถือว่าสวนโมกข์เป็นจุดหนึ่ง หรือหน่วยหนึ่ง
หรือหลักอันหนึ่ง สำหรับความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ทั้งในการศึกษา
ทั้งในการปฏิบัติ และทั้งในการเผยแผ่ ได้ทำมาตลอดเวลา
สุดความสามารถตลอดเวลา ทีนี้ก็ขอให้ถือว่าเป็นการสร้างกุศลร่วมกัน รวมกัน
ร่วมกัน เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระพุทธศาสนา
ขอโอกาสปรารภต่อไปอีกสักหน่อยหนึ่งและก็เป็นเชิงขอร้องด้วย ของร้องอ้อนวอนด้วยว่าช่วยกันกระทำสักอย่างหนึ่งเพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนายิ่ง ๆ ขึ้นไป ข้อนี้ก็พูดสั้น ๆ สรุปความแล้วก็คือว่า ขอให้ช่วยกันจนสุดความสามารถ ในการที่จะสั่งสอนประกาศ ปฏิบัติธรรมะ อันจำเป็นที่สุดข้อหนึ่งในปัจจุบันนี้ คือ ความไม่เห็นแก่ตัว ความไม่เห็นแก่ตัว
ความไม่เห็นแก่ตัวนั้นเป็นหัวใจของธรรมะ เพราะว่าถ้าไม่เห็นแก่ตัวก็จะเจริญด้วยธรรมะในโลกนี้ ฝ่ายโลกียธรรมก็เจริญ ๆ ๆ ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัว มีแต่ความถูกต้อง ทีนี้ถ้าเป็นฝ่ายโลกุตรธรรม มันถ้าผู้ใดมีความไม่เห็นแก่ตัว ก็เจริญด้วยธรรมะสูงสุดคือ อนัตตา หรือ สุญญตา มันก็เอียงไป เทไป เอียงไป เทไปทางพระนิพพาน เอียงไปหาพระนิพพาน ที่เรียกว่าส่วนโลกุตรธรรมก็ได้เต็มที่ ทั้งโลกียธรรมก็ได้เต็มที่ ทั้งโลกุตรธรรมมันก็เป็นไปในตัว พร้อมกันไปในตัว แล้วมันจะมีอะไรเหลือละ ถ้ามันเป็นอย่างนี้แล้วมันก็เรียกว่า ได้ประพฤติหน้าที่ในการปฏิบัติและการเผยแผ่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
ทีนี้ก็อยากจะขอให้สังเกตหรือทำความเข้าใจเป็นพิเศษอีกสักอย่างหนึ่งว่า คือเดี๋ยวนี้ โลกมนุษย์มันกำลังจะวินาศ กำลังจะวินาศ เพราะความเห็นแก่ตัว ไม่ใช่เป็นการอวดดี หรือเป็นการเดา คาดคะเน แต่เป็นการเห็น ชัดแจ้ง ชัดแจ้งยิ่งขึ้น ว่าโลกนี้กำลังจะวินาศเพราะความเห็นแก่ตัว จงช่วยป้องกันแก้ไขในเรื่องนี้เถิด มิฉะนั้นโลกก็จะวินาศไปจริง ๆ
ขอให้ท่านทั้งหลาย สังเกตดูว่า วิกฤตการณ์เลวร้าย เช่น การสงครามก็ดี อะไร ๆ ซึ่งเป็นเรื่องเลวร้ายก็ดี มันมาจากความเห็นแก่ตัวทั้งนั้นแหละ
- ประเทศมหาอำนาจก็เห็นแก่ตัว ประเทศเล็กกระจิ๋วหลิวก็เห็นแก่ตัว
- พรรคการเมืองแต่ละพรรคมันก็เห็นแก่ตัว นักการเมืองกับฝ่ายรัฐบาลมันก็ยังต่างฝ่ายต่างเห็นแก่ตัว
- เศรษฐีก็เห็นแก่ตัว ขอทานก็เห็นแก่ตัว
- นายจ้างก็เห็นแก่ตัว ลูกจ้างก็เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวมากขึ้น ๆ จนไม่มีอะไรเหลือ
- ในครอบครัวมันก็มีการเห็นแก่ตัว ถ้าพ่อบ้านเห็นแก่ตัว
แม่บ้านก็น้ำตาไหล พ่อบ้านเอาแต่ความสุขส่วนตัว
หรือว่าถ้าแม่บ้านเห็นแก่ตัว ทั้งหมดก็น้ำตาไหล ถ้าลูกเห็นแก่ตัว
พ่อแม่ก็น้ำตาไหลนะ แม้ในครอบครัวเพียงไม่กี่คนนี้
มันก็ยังมีพิษร้ายถึงขนาดนี้ ถ้าลูกเห็นแก่ตัวไม่เคารพ ไม่ซื่อสัตย์
หลอกลวงบิดามารดาด้วยการเป็นอยู่อยู่เสมอ ก็เท่ากับจับบิดามารดาใส่ในนรก
ทีนี้โลกมันกำลังมีความเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น ๆ ตามความเจริญ ยิ่งเจริญในทางวัตถุ ยิ่งเห็นแก่ตัว ความเจริญในทางวัตถุนี้จะนำมาซึ่งความพินาศ ถ้าหากว่าควบคุมไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงคำนี้ดี ๆ ถ้าควบคุมไม่ได้ ใน ต่อความเจริญ ต่อวัตถุ โลกนี้จะวินาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรม เครื่องจักรทั้งหลาย ถ้าควบคุมไม่ได้ โลกนี้จะวินาศ เพราะมันผลิตออกมาแต่ส่วนเกิน เกินจำเป็น เกินจำเป็น ดีกว่าเก่าก็ต้องรื้อทิ้งของเก่า ซื้อของใหม่เรื่อยไปจนเกิน ๆ ๆ จนเป็นหนี้สิน เพียงเท่านี้มันก็จะพอให้วินาศได้แล้วในหมู่คนทั่ว ๆ ไป เครื่องจักรมันผลิตส่วนเกินออกมาเรื่อย ควบคุมไว้ไม่ได้ มันก็เต็มไปด้วยส่วนเกิน แล้วมันก็ถึงกับขัดแย้งกัน ทำลายล้างกัน อันตรายต่อกัน
- ถ้าว่าครูเห็นแก่ตัว ทำนาบนหลังศิษย์จะเป็นอย่างไร ถ้าว่าหมอเห็นแก่ตัว ทำนาบนหลังคนเจ็บ มันจะเป็นอย่างไร
- แล้วถ้าว่าตุลาการเห็นแก่ตัว ทำนาบนหลังจำเลย จะเป็นอย่างไร
- หรือถ้าว่าพระเจ้า พระสงฆ์ เห็นแก่ตัวทำนาบนหลังทายก ทายิกา นั้นแหละ มันจะเป็นอย่างไร มันเห็นได้ทุกคนไม่ต้องช่วยอธิบายแล้ว นี่มันกำลังมีขึ้น ที่มันไม่เคยมี มันกำลังมีขึ้น มันกำลังมีมากขึ้น ๆ มันก็เป็นไปเพื่อความวินาศด้วยเหมือนกัน
ทีนี้เดี๋ยวนี้ความหลงใหลในความเจริญทางวัตถุ อยากจะมีสวย อยากจะกินเกิน อยู่เกิน แต่งเนื้อแต่งตัวเกิน อะไรเกิน อะไรเกินนี้ มันจึงเป็นเหตุให้เกิดอันธพาลมากขึ้นทั่วไปทุกหัวระแหง ทรัพย์สมบัติ ชีวิตนี้ไม่ปลอดภัยยิ่งขึ้นทุกที สำหรับคนที่อยู่ในโลกนี้ เพราะอันธพาลเพิ่มขึ้น ความเห็นแก่ตัวมันสร้างอันธพาลขึ้นมา
ขอเสียเวลาสักหน่อยเถอะ พิจารณาเรื่องนี้ว่าจะได้เห็นความจริง
ก็จะได้ช่วยกันแก้ไข คนเห็นแก่ตัว คนเห็นแก่ตัว ภาษาบาลีไม่มีคำโดยตรง
โดยตัวหนังสือ แต่ตรงโดยความหมาย คือคำว่า อตฺตตฺถปญฺญา ถ้าไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง ก็ช่วยจำไว้ด้วย
อตฺตตฺถปญฺญา อตฺต นั้นตน
ตฺถ นั้นประโยชน์
ปญฺญา นั้นคือว่าปัญญา อตฺตตฺถปญฺญา
ผู้มีปัญญาเห็นแต่ประโยชน์ของตน อสุจี มนุสฺสา เป็นมนุษย์ อสุจิ นี่พระบาลีมีอย่างนี้ คำว่าเห็นแก่ตัวนั้นคือ อตฺตตฺถปญฺญา ผู้มีปัญญามองเห็นแต่ประโยชน์ของตนเท่านั้น ไม่เห็นอันอื่น แล้วเขาก็ดำเนินเดินไปตามกิเลสนั้น ๆ เขาเห็นแก่ตนแล้วมันเกิดอาการวิปริตมากมายหลายอย่างนะ เข้าใจกันได้ไม่ยากนักนะ แต่ว่าอยากจะขอย้ำสักหน่อย
คนเห็นแก่ตนนั้นมันขี้เกียจ มันขี้เกียจ มันไม่อยากจะทำงานแต่จะเอาประโยชน์ มันคอยนอนรับประโยชน์ หรือเมื่อผู้อื่นเขาทำ เมื่อเราแรกทำถนนเดินมาสวนโมกข์นี้ใหม่ ๆ อาตมาก็ไปชักชวนทำ พวกชาวบ้านก็ชักชวนเพื่อนฝูงทำ ก็มากันมาก มากพอสมควร เรียกว่ามากละ แต่ว่าก็ยังมีบางคนนะ ตอบว่า มึงทำเถอะ เสร็จแล้วกูจะเดินให้มึงได้บุญ อย่างนี้ก็ยังมี เรียกว่ากูจะเดินให้มึงได้บุญ มึงทำเถอะ นี่เพราะเขาเห็นแก่ตัว เขาก็ขี้เกียจ เขาก็ไม่สามัคคี เขาก็เอาเปรียบ เขาก็อิจฉาริษยา เขาก็ดูหมิ่น จองหองพองขน
ในที่สุดเขาก็เป็นคนที่ว่าอยาก ต้องรวยลัด ไม่ออกเหงื่อ ไม่ทำนาทำไร่ออกเหงื่อ รวยลัดคือปล้นจี้ขโมย ปล้นธนาคารพักเดียวก็ได้เป็นล้าน ๆ นะ เขามีโปรแกรมตั้งใจว่าจะรวยลัด เขาทำทุกอย่างเพื่อให้รวยลัด โดยไม่คำนึงถึงความผิดหรือความถูกอะไร ทำไปตามอำนาจแห่งความเห็นแก่ตัว มันจึงเกิดปัญหามากมายหลายอย่างหลายชนิด
อันแรกที่จะต้องพูดถึงก็คือ มลภาวะทั้งหลาย มลภาวะทั้งหลายนี้มันมาจากพวกเห็นแก่ตัวทั้งนั้นแหละ ไปดูไม่ว่ามลภาวะไหนมันมาจากผู้เห็นแก่ตัว แม้จะเนื่องด้วยธรรมชาติมันต้องมีผู้เห็นแก่ตัวเข้าไปร่วมมือด้วย จึงจะเกิดมลภาวะเต็มไปหมด เต็มไปหมด จนเป็นปัญหาทั้งโลก ปรึกษากันไม่รู้จะทำอย่างไรที่จะหยุดมลภาวะในโลกนะ อย่างนี้ก็มี
เห็นแก่ตัวและก็สะเพร่าเป็นธรรมดา มันก็เกิดอุบัติเหตุนานาชนิด อุบัติเหตุที่ไม่เคย ที่ไม่ควรจะเกิดมันก็เกิด เช่น รถชนกัน เรือชนกัน แม้แต่บนอากาศเครื่องบินก็ยังชนกัน อุบัติเหตุมันมาจากความเห็นแก่ตัวและทำให้เกิดความสะเพร่า ความไม่เห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่น บางทีเจ้าของ เจ้าของรถเรือเหล่านั้นละ ต้องการเสียด้วย เพื่อให้เร็วทันใจได้ประโยชน์มาก นี้มันก็เกิดอุบัติเหตุ ก็เป็นปัญหาของโลกด้วยเหมือนกัน อุบัติเหตุนี้ปรากฏว่าเพิ่มมากขึ้นในโลก เพิ่มมากขึ้นในโลก โรงพยาบาลก็รายงานว่า คนเจ็บ เจ็บป่วยมานี้เป็นเรื่องของอุบัติเหตุมาก มากที่สุด
แล้วมันก็เห็นแก่ตัว อย่างไม่น่า ไม่น่าจะมีคือ ความคิดมันงอกงามออกไปทางแสวงหาความสุขทางเนื้อทางหนังเกินขอบเขต มันก็เลยติดยาเสพติด ติดยาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาโลกทั้งโลก ทั้งโลกเหมือนกัน ปัญหาเรื่องยาเสพติด ให้รสอร่อยมากไปกว่าธรรมดา แล้วมันก็ติดอบายมุขนานาชนิดนะ ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร ติดเป็นอบายมุขขึ้นมา แล้วทีนี้ก็มันเลยเถิดออกไปว่าเป็นโรคที่ไม่ควรจะเป็น เป็นโรคที่ต้องใช้คำหยาบคายหน่อยว่าโรคที่สุนัขก็ไม่เป็น โรคซิฟิลิส โรคโกโนเรีย โรคเอดส์แอดอะไรก็ไม่รู้นะ ซึ่งสุนัขหมานะ สุนัขหมานะก็ไม่เป็น แล้วคนนี้ก็ได้เป็น แล้วก็สมน้ำหน้ามัน เพราะความเห็นแก่ตัว นี่เรียกว่ามันได้เป็นโรคที่ไม่ควรจะเป็น
แล้วทีนี้มันก็ทำลายมีการทำลายกันตามสบายใจ โมโหขึ้นมา เดือดขึ้นมาก็ทำลาย ทำลายธรรมชาติก็มี ทำลายสิ่งที่เขาสร้างกันไว้แล้วก็มี ก็ทำลาย มันเป็นการทำลาย เป็นปัญหาโลกนี้อีกเหมือนกัน ทำลายธรรมชาตินี่ ปัญหาอันร้ายกาจมหาศาลเหล่านั้นมาจากความเห็นแก่ตัว
แล้วก็มีคดีมากมาย ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา เกิดมาจากความเห็นแก่ตัว เพิ่มตำรวจเท่าไรก็ไม่พอ เพิ่มคุกตารางเท่าไรก็ไม่พอ เพราะว่าความเห็นแก่ตัวมันทวีขึ้นในโลก ทวีขึ้นในโลกอย่างรุนแรงนี่ ก็เลยเป็นปัญหา ถ้าว่าไม่มีความเห็นแก่ตัวแล้ว ก็ไม่มีคดีไหนหมด ไม่เกิดคดีแพ่ง ไม่เกิดคดีอาญา ไม่มีคดีอาญา ไม่ฆ่า ไม่ขโมย ไม่กาเม ไม่เกิดคดีแพ่ง คือ ใครล่วงล้ำละเมิดหน่อยก็ให้อภัย ให้อภัย และตัวก็ไม่ล่วงล้ำ ไม่ไปคดโกงบิดพลิ้วฉ้อโกงประโยชน์ของใคร คดีแพ่งก็ไม่เกิด คดีอาญาก็ไม่เกิด ศาลก็ว่างงาน กฎหมายก็ยกเลิกเอาไปทิ้งทะเลได้ เพราะมันไม่ต้องมีการปกครองอะไรกันนัก สำหรับผู้ที่ไม่เห็นแก่ตัว
อ่านเรื่องของจีน ของเหลาจื้อ ได้ความว่า ลูกศิษย์ถามท่านอาจารย์ว่า ท่านอาจารย์ ปกครองอย่างไรเป็นการปกครองที่ดีที่สุด อาจารย์เหลาจื้อก็ตอบว่า การปกครองซึ่งไม่ต้องมีการปกครอง คนถามมันก็มืดเลย มันไม่ถามอีก นี่เรามาคิดดูเถอะว่า การปกครองซึ่งไม่ต้องมีการปกครองนั้นก็คือว่าการปกครองผู้ที่ไม่เห็นแก่ตัว ประชาชนทุกคนไม่เห็นแก่ตัว มันก็ไม่ต้องปกครองอะไรกะเขา แต่มันก็เป็นการปกครองนะ ปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข การปกครองที่ไม่ต้องมีการปกครอง ไม่ต้องมีกฎหมาย ไม่ต้องมีตำรวจ ไม่มีเลย ถ้ามันกลับมาได้ ถ้ามันมีขึ้นมาได้ มันก็วิเศษประเสริฐที่สุด
นี่เราก็มีหลักธรรมะไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ตัว เพราะพระพุทธศาสนาสอนเรื่องความไม่มีตัว
ถ้าเราเป็นพุทธบริษัทกันโดยแท้จริง คือ ไม่มีตัว มันก็ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีการเห็นแก่ตัว พุทธบริษัทเป็นผู้ปฏิบัติธรรมะข้อนี้เต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าศาสนาไหนไปสอนว่ามีตัว มีตัว ก็ต้องลำบาก ก็ต้องบังคับตัวให้ไม่เห็นแก่ตัว ต้องกระทำตัวฝึกตัวอะไรตัวกันเป็นการลำบากกว่านี่ เราควรจะดีใจภาคภูมิใจที่ว่าพระพุทธศาสนา มีหลักการสอนว่า ไม่มีตัว ไม่มีตัวอยู่แล้ว มันก็มีโดยอัตโนมัติ ความไม่เห็นแก่ตัว เจริญงอกงามก้าวหน้าอยู่ในโลกนี้ ใฝ่โลกียธรรม โลกียวิสัย และก็น้อมเอียงไปทางโลกุตรธรรม พระอนัตตา พระสุญญตา ตถาตา อตัมมยตา ในที่สุดก็บรรลุพระนิพพาน ความไม่เห็นแก่ตัวอย่างเดียวนี่เจริญสูงสุดในโลกด้วย เจริญไปทางพระนิพพานเพื่อความสูงสุดด้วย นี่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา
ถ้าพูดไม่ลำเอียงก็พูดได้ว่า ทุก ๆ ศาสนาก็สอนอย่างนั้นนะ แต่ว่าเขาจำเป็นต้องพูดอย่างอื่น ต้องใช้คำพูดอย่างอื่น แต่เนื้อแท้ก็มุ่งหมายจะไม่เห็นแก่ตัวเหมือนกันแหละ คริสต์ อิสลามอะไรก็ตามเถอะ รังเกียจความเห็นแก่ตัว สอนเรื่องไม่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่งเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเป็นหัวใจของทุกศาสนาได้ แต่มนุษย์ไม่ปฏิบัติ มนุษย์ไม่ปฏิบัติ กลับทำให้มากขึ้น ๆ ความเห็นแก่ตัวมากขึ้น ๆ ในโลกจนน่ากลัวว่าโลกจะต้องวินาศในเวลาอันไม่นาน เพราะความเห็นแก่ตัวมันระบาด
เพราะฉะนั้น เราพุทธบริษัท ถือว่าเป็นหน้าที่ เป็นหน้าที่ เพราะพระพุทธองค์ ทรงมีพระพุทธประสงค์จะกำจัดความเลวร้ายในหมู่มนุษย์ สอนเรื่องเมตตากรุณา มันก็เป็นเบื้องต้น ก็ดีอยู่เหมือนกัน แต่ยังมีตัว ที่สอนให้ยิ่งไปกว่านั้น ก็สอนอนัตตา อนัตตาไม่มีตัว นั่นละเมตตากรุณาที่สูงสุด เพราะความไม่มีตัวนะ ความไม่มีตัวหรือความว่างก็เป็นเมตตากรุณาสูงสุด สูงสุด มันไม่ต้องมีตัว เพราะมันไม่มีตัว
จึงขอ ขอวิงวอน ขอความร่วมมือ ขอความร่วมมือ ว่าจงช่วยกันศึกษาและปฏิบัติ และเผยแผ่หลักพระพุทธศาสนาที่เป็นหลักสำคัญนี้ และช่วยกันเผยแผ่ต่อไป ต่อไป ให้ ให้เพื่อนมนุษย์ของเราลด ลดความเห็นแก่ตัว ลดความเห็นแก่ตัว และก็ช่วยอบรมลูกเด็ก ๆ ลูกหลานเหลนนี้ให้มันลดความเห็นแก่ตัว และอย่าให้เกิดความเห็นแก่ตัวใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมา ให้ชื่อว่าได้ทำตามพระพุทธประสงค์ในชั้นลึก ในชั้นหัวใจ ตรงตามพระพุทธประสงค์อย่างยิ่ง
นี่ก็คือความตั้งใจของกระผมหรือของอาตมา ว่าจงช่วยกันเถิด ช่วยกันร่วมมือเถิด กำจัดความเห็นแก่ตัวในโลกนี้ อย่าให้โลกนี้ต้องวินาศเลย แม้มันจะเป็นเรื่องใหญ่โตเกินความสามารถของเราสองสามคน แต่ก็ขอให้พยายามเถิด มันถึงจะเป็นเครื่องถ่วงให้วินาศช้าลง หรือว่ามันมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงกลับตัวมันก็จะมีมาได้ ขอให้ช่วยกันต่อสู้ ช่วยกันต่อสู้
ผมก็พยายามเผยแผ่หลักอันนี้แก่ชาวต่างประเทศ เพราะชาวต่างประเทศเขาก็มีปัญหาอย่างเดียวกันแหละ ความเห็นแก่ตัวเขาก็ยอมรับว่ามันมากขึ้น ๆ มีความเห็นแก่ตัวจนเสื่อมศีลธรรม คำที่ไม่น่าพูด เรื่องที่ไม่น่าพูดว่า บิดามารดาทำกาเมกับลูกหลานของตัวเองนั้น นี่เพราะความเห็นแก่ตัว ทำให้เป็นถึงอย่างนั้น ให้บิดาทำกาเมกับลูกของตัวนี้ มันเป็นความเลวร้ายของความเห็นแก่ตัว พูดแล้วก็อดที่จะไม่มีใคร คอยเชื่อว่า ค่อยเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่เท่าที่ได้สอบสวน พยายามสอบถาม มันเป็นเรื่องจริงที่กำลังมีขึ้น กำลังมีขึ้น นี้เรียกว่าความเห็นแก่ตัวมันเริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาในโลก แล้วโลกนี้มันจะหมดศีลธรรม แล้วโลกนี้มันก็จะมีความวินาศ
ในที่สุดผมขอวิงวอนว่า ร่วมมือกัน ช่วยกัน ร่วมมือกัน ทุกรูป ทุกนาม เพื่อจะประกาศธรรมะ ความไม่มีตัวแล้วก็ไม่เห็นแก่ตัว หรือถ้าใครอยากจะมีตัวก็ต้องมีตัวที่ไม่เห็นแก่ตัว คือมีตัวที่ดีที่ถูกต้อง คือมีธรรมะนั่นเอง แล้วพวกเราก็จะได้ชื่อว่าได้สนองพระพุทธประสงค์อย่างสูงสุด ที่ได้เผยแผ่ธรรมะอันยิ่ง ธรรมะอันวิเศษ ธรรมะอันประเสริฐแก่ชาวโลก เพื่อไม่เห็นแก่ตัว เพื่อเจริญในโลก เพื่อจะก้าวไปทางโลกุตระ
กระผมขออ้อนวอน ขอทุกอย่างทุกประการ ว่าขอให้ช่วยกันร่วมมือในข้อนี้เพื่อสนองพระพุทธประสงค์ ว่าโลกนี้มันจะถอยกลับไปในทางที่จะไม่วินาศ นี่เรื่องวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ สำหรับที่จะกล่าวใน อย่างที่เรียกกันว่าเป็นโอวาทหรืออะไรก็แล้วแต่ แม้ไม่ถือว่าเป็นโอวาทก็ได้ ถือว่าเป็นการปรึกษาหารือ ถือว่าเป็นการขอความช่วยเหลือ ขอความช่วยเหลือ ช่วยกันบอกกล่าวสืบต่อ ๆ ๆ ๆ กันไป เพื่อความเห็นแก่ตัวมันจะได้ลดลง จะได้ลดลง
แม้ในประเทศไทยเรานี้ คนซื้อก็เห็นแก่ตัว คนขายก็เห็นแก่ตัว คนผลิตก็เห็นแก่ตัว คนรับไปขายก็เห็นแก่ตัว มันมากขึ้น ๆ อย่างนี้แล้วมันจะอยู่กันอย่างไร ขอให้ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต่อสู้ จะแก้ไข จะลด จะลดไอ้สิ่งเลวร้ายนี้
ขอได้โปรดมีความกรุณาให้เป็นของขวัญแก่กระผมหรือแก่อาตมาด้วย โดยในข้อที่เรียกว่าช่วยกันลดความเห็นแก่ตัว ช่วยกันประกาศให้คนเกลียดความเห็นแก่ตัว ประพฤติปฏิบัติในทางที่จะไม่เห็นแก่ตัว แล้วก็จะมีความสุขสวัสดีเพิ่มขึ้นในสังคมของพุทธบริษัทและคนต่าง ๆ ทั้งหลายทั่วโลก
ขอขอบพระคุณอีกครั้งหนึ่งที่มาช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีทำวัตรอันเก่าแก่นี้ไว้ แล้วก็ยังมาเยี่ยมสวนโมกข์นี้อยู่เป็นประจำ ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่ต้องอ้างคุณอะไร อ้างความดีที่กระทำนี้ จะช่วยให้ประสบแต่ความถูกต้อง ความเจริญ ความรุ่งเรือง ความสุขสวัสดีอยู่ตลอดทุกทิพาราตรีเป็นแน่นอน กระผมขอจบคำบรรยาย เป็นธรรมปฏิสันถารแก่ท่านทั้งหลายในวันนี้เพียงเท่านี้