วันนี้ที่ขึ้นไปทำนี้ถึงกรุงเทพ กิจสำคัญของการเข้าบางกอกของผมคราวนี้นั้นเพื่อนี้ เพราะเป็นวาระสำคัญของเราและชาว หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ - สวนโมกข์กรุงเทพ ที่คณะ มูลนิธิหัวใจอาสา จัดกิจกรรมเสวนาในวาระ ๑๐ ปีที่คุณไพบูลย์จากไป เลือกจัดเสวนาครั้งสำคัญนี้ขึ้นตลอดเช้า
และผมโดนให้ทำหน้าที่เจ้าเรือน กล่าวต้อนรับ
โดยผมเริ่มด้วยระลึกคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ แล้วเริ่มด้วยเมื่อครั้งที่เราเริ่มเปิดดำเนินการสวนโมกข์กรุงเทพพลาง ๆ ในปี ๕๓ ก่อนที่กรมสมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จในปี ๕๔ โดยผมขอคุณไพบูลย์เป็นประธานในพิธีเปิดในครั้งนั้น คุณไพบูลย์ถามว่าทำไมต้องเป็นคุณไพบูลย์
๑) คุณหญิงชฎามาช่วยเป็นกรรมการสนับสนุนจนสำเร็จ
๒) งานที่คุณไพบูลย์ทำล้วนเพื่อความเป็นธรรม
๓) แถมนามสกุลคุณไพบูลย์ก็ว่าด้วยธรรม
แถมหัวข้อการเสวนาวันนี้นั้น เน้นเรื่องที่สวนโมกข์ก็ถือเป็นหัวใจของงานธรรมที่กำลังทำ ท่านอาจารย์พุทธทาสฝากไว้หลายเรื่องที่เกี่ยวกับยุวชน ที่ท่านถือว่าคือหัวใจแห่งสันติภาพของโลก ส่วนที่คิดว่าอาจพูดนั้น พอดีน่าไม่เหมาะและเวลาไม่ให้ก็เลยไม่ได้พูด ที่เคยร่วมหลายงานกับคุณไพบูลย์
ทั้งการไปเป็นกรรมการมูลนิธิบูรณชนบทแห่งประเทศไทยอยู่ช่วงหนึ่ง การร่วมเป็นกรรมการ สสส.คณะหนึ่งอยู่ยาวนาน และบทสนทนาระหว่างว่างและงาน ในอีกหลายโอกาส แต่ที่ชอบมากคือตอนที่คุณหญิงกล่าวต้อนรับ บอกว่าที่ผมโยงนั้น อันที่จริงคุณไพบูลย์ศึกษางานของท่านอาจารย์พุทธทาสมานานมากตั้งแต่อยู่ที่เมืองนอกโน่น
ยิ่งตอนจบ ที่มีคำถามว่า ทำไมคุณไพบูลย์ถึงใจเย็นและเปี่ยมเมตตา คุณหญิงบอกว่าเคยถามเหมือนกัน คำตอบจากคุณไพบูลย์คือ " ... ต้องฝึกฝน ด้วยธรรมะที่ศึกษา ... " " ... ซึ่งก็จากงานของท่านอาจารย์พุทธทาสด้วย ... " คุณหญิงเติม
ส่วนรายละเอียดอื่นนั้น ตามฟังกันเองก็แล้วกันครับ สนุกและได้อะไรมาก หากมีจังหวะอาจกับมาเล่าครับผม ตอนนี้ผมกลับมานครแล้ว พรุ่งนี้ มี ๓ งานรออยู่ครับ
๙ เมย.๖๕ ๒๒๐๐ น.
บ้านบวรรัตน์ ท่าวัง เมืองนคร
ที่มา โพสต์