ภิกษุเงื่อมทำอะไรใหม่ๆ แปลกๆ ก็โดนบูลลี่เหมือนกัน (เรื่องที่ ๑\๙)

Share

งานจดหมายเหตุ,

๙ วัน ๙ เรื่อง ก้าวสู่ความเป็นพุทธทาส

ภิกษุเงื่อมทำอะไรใหม่ๆ แปลกๆ ก็โดนบูลลี่เหมือนกัน (เรื่องที่ ๑/๙)

เขาเคยเป็นเด็ก เคยเป็นวัยรุ่น เคยอยู่กลางกรุง เคยอยู่กลางป่า เคยถูกมองว่าแปลก เคยโดนบูลลี่ เคยกลัว เคยทำตัวไม่ถูก เคยต้องอยู่ลำพัง เคยมีเพื่อนที่ถูกใจ เคยพลัดพราก เคยมีคน like unlike ฯลฯ

อะไรทำให้เรื่องที่เข้ามาสู่เขาผ่านออกไป อย่างไม่หวนคืนกลับมา ไม่กลับมาเป็นปัญหาอีก และทั้งยังชำระจิตและปัญญาเขาให้สะอาดขึ้นทุกทีๆ ด้วย

“การทำอะไรใหม่ๆ แปลกๆ ไปจากที่เขากระทำอยู่นั้น จะต้องถูกมองในแง่ร้ายบ้างส่วนหนึ่งเป็นธรรมดา”

“ทำไปด้วย ‘สุจริตใจ’ ก็พอแล้ว ผลจักเกิดขึ้นเท่ากับการกระทำอันบริสุทธิ์ของตน”

การมีสวนโมกข์ และการไปอยู่ที่นั่นของฉันเป็นการกระทำที่บอกกล่าวกัน เฉพาะผู้มีความสนใจร่วมกัน แม้คนในถิ่นนั้นเองที่ไม่เข้าใจความมุ่งหมายอันแท้จริงก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะ ชาวไทยอิสลาม ซึ่งอยู่ใกล้สวนโมกข์ที่สุด บางคนคงจะเดาความหมายเอาเอง จึงในตอนเช้าที่ฉันออกบิณฑบาตวันแรกๆ เด็กๆ พากันวิ่งหนีและร้องบอกกันว่า "พระบ้ามาแล้วๆ" แล้วอธิบายให้ฟังกันเองว่า ฉันเป็นคนบ้าที่เขาเอาตัวมากักเพื่อรักษาที่ป่าวัดร้างนั่นให้ระวังให้ดี นานตั้งหลายเดือนจึงค่อยหมดความเข้าใจเช่นนั้นอย่างสนิท

เมื่อกิจการของคณะธรรมทานได้เผยแพร่ไปโดยทางหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศ มีเพื่อนร่วมชาติอีกไม่น้อยเหมือนกัน ที่เข้าใจผิดคิดว่าการกระทำของพวกเราเป็นการซ่อนเร้นการหากำไรอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเอาศาสนาเป็นโล่ก็มี ที่คิดว่าทำเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นด้วยการเปิดเผยข้อความที่ทายกไม่ควรจะรู้ก็มารู้ จนพวกพระเณรต้องเดือดร้อนดังนี้ก็มี ที่เขียนบัตรสนเท่ห์ไปยุพระผู้ใหญ่ให้เข้าใจผิดและเกลียดชังก็มี ซึ่งท่านได้กรุณาแจ้งให้พวกเราทราบ พร้อมด้วยความรู้สึกอันจริงใจของท่าน กว่าจะเข้าใจกันได้ ก็ร่วม ๑๐ ปี แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่า ไม่มีผู้เข้าใจถูกมาตั้งแต่แรก ที่จริงก็มีมากจนเหลือที่เราจะเก็บจดหมายชมเชยไว้ทั้งหมดได้เหมือนกัน

ข้อนี้ควรคิดในเรื่องที่ยอมเสียเวลานำมาเล่าสู่กันฟังนี้ อยู่ตรงที่ว่า การทำอะไรใหม่ๆ แปลกๆ ไปจากที่เขากระทำอยู่นั้น จะต้องถูกมองในแง่ร้ายบ้างส่วนหนึ่งเป็นธรรมดา ไม่ว่าผู้ทำจะมีกำลังและอิทธิพลมากหรือน้อย ถ้ามีอิทธิพลมากจะแตกต่างอยู่บ้าง ก็ตรงที่เขาไม่กล้าพูดซึ่งหน้าเท่านั้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่คิดจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งเป็นการปฏิวัติแก้ไขหรือรื้อฟื้นทำให้ดีขึ้น ขออย่าได้ไปเอาใจใส่กับการนินทาว่าร้ายของผู้เข้าใจผิด ซึ่งโลกนี้จะต้องมีเป็นธรรมดานั้นเลย ทำไปด้วยสุจริตใจก็พอแล้ว ผลจักเกิดขึ้นเท่ากับการกระทำอันบริสุทธิ์ของตน. พวกเรารู้สึกล่วงหน้าไว้เช่นนั้นแล้วเหมือนกัน จึงไม่ได้เอาใจใส่อะไร มากไปกว่าความนึกสนุกสนานของผู้ที่ทำนายสิ่งใดไว้แล้ว สิ่งนั้นก็เกิดขึ้น เพื่อให้ตนกลายเป็นหมอดูที่ทำนายแม่นๆ เท่านั้น.

(พุทธทาสภิกขุ, สิบปีในสวนโมกข์)