๙ วัน ๙ เรื่อง ก้าวสู่ความเป็นพุทธทาส
เวลาอยู่คนเดียว ภิกษุเงื่อมทำอะไร (เรื่องที่ ๔/๙)
ภิกษุเงื่อมอยู่ในป่าตระพังจิกตามลำพังรูปเดียว นาน ๒ ปี เทียบกับพวกเรา lock down โควิด19 แล้ว นับว่ายาวกว่ามาก เวลาแห่งความลำพัง เป็นเหตุให้สัจจะคือ สมาธิ ปัญญา ฯลฯ ปรากฏแก่ภิกษุเงื่อม ส่วนพวกเรานะหรอ การอยู่ลำพังก็ปรากฏสัจจะอยู่บ้าง คือความอกจะแตก เบื่อ เช็ง และอีกหลายประการ เอาเป็นว่า วันนี้เราจะมาดูว่าการเป็นภิกษุผู้พร้อม ยินดีต่อป่า ต่อสันโดษและวิเวก เมื่ออยู่ผู้เดียวท่านรู้สึกเช่นไร มีวิถีอย่างไร และท่านได้ดื่มด่ำสิ่งใดบ้าง
ภิกษุเงื่อมเขียนในบันทึกรายวันว่า “การอยู่ผู้เดียว โดยไม่พบและพูดกะใครเป็นเวลานานเกินกว่า ๑๕ วัน ย่อมรู้สึกว่าสบายขึ้นทั้งส่วนกายและใจ มีกำลังส่วนใจเพิ่มขึ้นมาก คล้ายเพิ่มเติมแรงไฟลงในหม้อไฟฟ้าที่ได้ใช้ไปจนอ่อนแรงให้กลับมามีบริบูรณ์ขึ้นอย่างเต็มที่ จนกว่าจะลุถึงวาระสุดท้ายแห่งหม้อนั้น ...”
“ใครๆ จะมีการงานประเภทไหนก็ตาม ควรพยายามทำเพื่อประโยชน์แก่ชีวิตบ้าง ในเมื่อได้สมาคมคลุกคลีกันจนอ่อนกำลังใจไปแล้ว ประโยชน์ส่วนกาย ได้พักผ่อนบริบูรณ์ มีการบริหารได้สม่ำเสมอ, ส่วนวาจา นับว่าสะอาดหมดจด ทั้งยังเป็นเหตุให้ระลึกถึงวจีทุจริตที่เคยผิดพลาด เพื่อสำรวมระวังยิ่งขึ้นต่อไป, ส่วนใจ ได้รับรสเกิดแต่วิเวกทางกาย และบ่มแรงใจในการคิด สังเกต ระลึก รู้ตัวรอบคอบ ฯลฯ ให้มากยิ่งขึ้นทุกคราว”
เวลาอยู่คนเดียว ภิกษุเงื่อมฝึกฝนสติ
“การอยู่คนเดียวไม่มีอะไรจะดีไปกว่าใช้เวลาในการฝึกฝน บทเรียนของ ‘การตื่น’ และการควบคุม ’การตื่น’ ของตนให้นิ่มนวล จนอาจคล้อยตามความต้องการของตนได้ทุกเมื่อ”
-ฉันอ่านแล้วเข้าใจว่า ‘การตื่น’ ที่ภิกษุเงื่อมกล่าวถึงนั้นคือ การมีสติ ตื่นอยู่ในปัจจุบัน ท่านฝึกให้รู้สึกตื่นรู้ตัว ทั้งนิ่มนวลและรวดเร็ว เท่าทันต่อกิเลสที่แผ้วผ่านใจ นับเป็นการตื่นที่ประณีตและคงดีถ้าชีวิตน้อยๆนี้จะมีโอกาสเสพคบนะคะ
เวลาอยู่คนเดียว ภิกษุเงื่อมทำสมาธิเล่นสนุก
“เมื่อการอยู่ป่าคนเดียวของผู้ใดลงร่องลงรอยเป็นปรกติ จิตย่อมผันแปรไป มีลักษณะ ‘ง่ายแก่การเป็นสมาธิ’ ตั้งครึ่งตั้งค่อนเสียแล้ว ...“
-เรื่องนี้ภิกษุเงื่อม เล่าเรื่องฝึกสมาธิจากการเพ่งดูปลา ท่านเอาข้าวสุกใส่ฝาบาตร วางที่น้ำตื้นๆ แล้วนั่งดูปลาตัวเล็กๆ มาตอม การเพ่งดูชั่วประเดี๋ยว ภาพก็ติดตา เอาไปดูต่อได้หลายคืน เล่นหดภาพเป็นเล็ก ขยายภาพเป็นใหญ่ ทำภาพให้เคลื่อนไหว เป็นสมาธิเล่นสนุก เป็นของเล่นในป่าของท่านอีกชิ้น
เวลาอยู่คนเดียว ภิกษุเงื่อมอ่านหนังสือ
“การอยู่คนเดียว แม้ในทางปริยัติหรือค่อนไปทางปริยัติ ก็ยังเป็นที่แน่นอนว่า เป็นผลดียิ่งเหมือนกัน...”
-ภิกษุเงื่อมยกตัวอย่างเรื่องการอ่านพระไตรปิฎก ว่าการอ่านขณะอยู่คนเดียวในที่สงัดนี้ได้อรรถรสกว่าอ่านที่กรุงเทพฯ ตั้ง ๔-๕ เท่าตัว และบอกว่าเรื่องบางเรื่องอ่านในที่แออัดจะไม่ได้เรื่อง ...
อยู่คนเดียว ภิกษุเงื่อมขบข้อความ
“การขบข้อความบางอย่าง หรือส่วนมากที่สุดทำในป่าขบได้เป็นคุ้งเป็นแควติดต่อกันเป็นสาย”
“ขณะนี้เหมาะสำหรับการคิดนึก ตีปัญหาที่ลึกๆ ทุกชนิด ซึ่งเมื่อออกไปสมาคมแล้วไม่มีโอกาศใช้ความรู้สึกอันลึกซึ้งสุขุมเช่นนี้...”
อยู่คนเดียว ภิกษุเงื่อมเขียนหนังสือ
“การเขียนก็รู้สึกว่ามีชีวิตจิตใจยิ่งกว่ากัน แต่จะเป็นของเฉพาะคนหรือไม่นั้น เราจะต้องค่อยสังเกตกันสืบไป”
พลิกดูงานเขียนของภิกษุเงื่อมที่เกิดในป่าตระพังจิกแล้ว ฉันก็ไม่แปลกใจเลยที่งานอันเกิดในป่าตระพังจิกจะมีความสงบงามและลึกซึ้งเฉกเช่นป่าที่ให้กำเนิดพวกมัน
ภิกษุเงื่อมอยู่ป่าตระพังจิก ๑๐ ปี นอกจากสามารถสร้างความสงบเย็นแก่ตนได้อย่างยิ่งแล้ว ยังสามารถสร้างงานเขียนอันเป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ได้อีกนับหมื่นหน้า
(อ้างอิง : สิบปีในสวนโมกข์, อนุทินปฏิบัติธรรม)